'กรมชลฯ'ชี้ปริมาณน้ำเข้าขั้นวิกฤติ จี้รัฐบาลวางนโยบายเสริมอาชีพ
วันอาทิตย์ ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2557, 17.28 น.
Tag :
21 ก.ย. 57 นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตรว่ากระทรวงเกษตรฯ ได้พยายามทำมาต่อเนื่อง มีการกำหนดปฎิทินการเพาะปลูกข้าวสองครั้งต่อปี ซึ่งมองว่ายังเสี่ยงมากเพราะปริมาณน้ำมีจำกัด ถ้าปลูกเพียงครั้งเดียวจะมั่นคงมาก เพราะสามารถเปิดพื้นที่ระบบชลประทานเหนือเขื่อนให้เกษตรกรในพื้นที่ได้ทำนาและปลูกพืชอื่นได้ด้วย ปัจจุบันเปิดพื้นที่การเกษตรเพิ่มไม่ได้ เพราะต้องส่งน้ำมาเลี้ยงพื้นที่การเกษตรตอนล่าง ที่ปลูกเกินแผนไปมากทุกปีโดยเฉพาะ 22 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา
โดยเฉพาะการขยายพื้นที่นาปรังเป็นปัญหามาก ซึ่งเกษตรกรไม่สนใจปริมาณน้ำว่าแต่ละปีมีเท่าไหร่ เห็นน้ำผ่านหน้าบ้านอยากจะปลูกก็ปลูก จริงๆ การส่งน้ำให้กับการปะปา และรักษาระบบนิเวศน์เป็นหลักและเพื่อผลักดันน้ำทะเลไม่ให้เข้ามา เมื่อผลักดันได้น้อยก็เกิดผลกระทบคนวงกว้าง เพราะการเกษตรเอาน้ำไปใช้มากกว่ากิจกรรมอื่น และทำให้ส่วนอื่นเดือดร้อนไปด้วย ซึ่งการชลประทาน ได้จัดสรรน้ำให้กับพืชที่ปลูกตามฤดูกาลเป็นหลักอยู่แล้ว แต่ตอนหลังชาวนาเห็นว่านาปรังเป็นสิ่งที่ต้องทำ ซึ่งคิดผิด กรมชลฯ อยากให้เกษตรกรกลับมาคิดว่าต้องปลูกตามปริมาณน้ำที่มีจำกัด
นายเลิศวิโรจน์ กล่าวย้ำว่าปีนี้ปริมาณน้ำมีน้อยกว่าปี 2556 ถึง 1,800 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยปริมาณน้ำในปีปกติในเกฑณ์ 9,000 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ปีนี้มีเพียง 5,700 ล้านลูกบาศก์เมตร เท่านั้น
"ในสัปดาห์หน้าจะเริ่มสั่งการให้สำนักงานชลประทาน ชะลอการระบายน้ำและขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด 22 จังหวัดว่า ปีนี้น้ำน้อยแน่ๆ ต้องช่วยกันประชาสัมพันธ์อย่างหนัก เพื่อให้เกษตรกรลดพื้นที่ปลูกข้าวนาปรังและพืชฤดูแล้ง ในปีนี้มีน้ำและจัดสรรน้ำให้แค่ 2 ล้านไร่เท่านั้น แบ่งเป็นนาปรัง 1.3 ล้านไร่และพืชอื่นอีก 7 แสนไร่ จากที่เคยปลูก 7-8 ล้านไร่ต่อปี รวมทั้งรัฐบาลต้องกำหนดนโยบายให้สอดคล้องปริมาณน้ำ ควรประกาศให้ชัดเจนว่า จะเร่งส่งเสริมอาชีพอื่นอย่างไร ทดแทนการทำนา รวมทั้งมีแนวทางสนับสนุนให้เปลี่ยนอาชีพอย่างไร โดยควรมีการอบรมอาชีพ และเพิ่มการจ้างแรงงานในท้องถิ่นด้วยที่เป็นมาตราการต่อเนื่อง วันนี้ต้องบอกกันให้ชัดเจนว่าไม่มีน้ำให้ปลูกถ้าปลูกแล้วไม่ใช่เสียหายแต่ชาวนาอย่างเดียวจะกระทบคนอื่นด้วย ในปี 56 ซึ่งเป็นปีที่น้ำน้อยมากได้ผันน้ำจากแม่กลองมาช่วยลุ่มเจ้าพระยา 1,000 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ปีนี้ปริมาณน้ำแม่กลองไม่เพียงพอ จะนำมาสนับสนุนพื้นที่การเกษตรภาคกลางได้" อธิบดีกรมชลประทาน กล่าว