22 ก.ย.57 นายบัณฑิตย์ ศรีพุทธางกูร เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับสถาบันอาชีวศึกษาเอกชน 18 แห่ง ประกอบด้วย สถาบันกลุ่มเสี่ยงและสถาบันที่ตั้งอยู่ใกล้สถาบันกลุ่มเสี่ยง เพื่อชี้แจงมาตรการป้องกันและจัดการกับนักเรียนที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ว่า ตามที่ สช.ได้ปรับมาตรการแก้ปัญหารับนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้ปิดสถานศึกษาที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาททันที 3 - 7 วัน
ทั้งนี้ ตนจะให้สถาบันต่างๆ เสนอแผนป้องกันเป็นกรณีพิเศษ มาให้ สช.พิจารณา หากผ่านความเห็นชอบจึงจะอนุญาตให้เปิดการเรียนการสอนได้ ซึ่งทุกสถาบันก็ยอมรับและเห็นชอบกับมาตรการดังกล่าว นอกจากนั้น ยังมีการเสนอมาตรการอื่นๆ เพิ่มเติม อาทิ ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเฝ้าระวัง และตรวจตรากรณีนักศึกษาที่ขี่รถจักรยานยนต์มาเป็นกลุ่มๆ โดยขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับแยกทันที เพราะปัจจุบันจะเห็นว่านักศึกษามักใช้รถจักรยานยนต์ไปในการก่อเหตุ รวมถึงมีมาตรการให้สถานศึกษาเลื่อนเวลาเข้าเรียนและเลิกเรียนไม่ให้ตรงกัน โดยเฉพาะสถาบันที่เป็นคู่อริกัน ซึ่งบางแห่งก็ปรับเวลาเปิด - ปิดภาคเรียนไม่ให้ตรงกันด้วย รวมถึงให้มีการเรียนการสอนเต็มเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้นักศึกษาต่างสถาบันเจอกัน ส่วนช่วงเวลาที่นักศึกษาก่อเหตุคือช่วงเปิดเทอมใหม่ๆ คือในช่วงเดือน พฤษภาคม - มิถุนายน
นายบัณฑิต กล่าวต่อว่า สถานศึกษาได้เสนอให้มีการปรับเพิ่มโทษทางกฎหมาย สำหรับนักเรียนที่ก่อเหตุ เพราะปัจจุบันนักเรียนที่พกอาวุธจะถูกปรับแค่ 100 บาท และมีครูฝ่ายปกครองมารับรองก็ปล่อยตัวกลับได้ แต่ต่อไปนี้จะให้ผู้ปกครองมารับเด็กด้วยตัวเอง เพื่อให้รับรู้ถึงพฤติกรรมเด็ก ในส่วนของสถานศึกษานั้น หากปล่อยปละละเลย จนเกิดเหตุซ้ำซาก ก็ต้องมีมาตรการลงโทษ โดยมาตรการที่ใช้อยู่ปัจจุบันจะให้สถาบันที่ก่อเหตุครบ 3 ครั้ง งดรับนักศึกษาทันทีในปีถัดไป ซึ่งขณะนี้มีสถาศึกษาที่ก่อเหตุครบ 2 ครั้งแล้ว 1 แห่ง ซึ่ง สช.ได้จับตาเป็นพิเศษ ถ้าก่อเหตุอีก 1 ครั้ง ก็จะต้องใช้มาตรการงดรับนักศึกษา และแนวโน้มน่าจะเป็นการปิดถาวร เพราะจำนวนนักศึกษาลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่โรงเรียนก่อเหตุแล้ว 1 ครั้ง มีอยู่ 4 แห่ง ซึ่ง สช.ก็จับตาดูอยู่ด้วยเช่นกัน
ด้าน นายจอมพงศ์ มงคลวนิช นายกสมาคมวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อาชีวศึกษาเอกชน เห็นด้วยและเข้าใจความหวังดีของนายกฯ หากตรวจสอบชัดเจนว่าสถานศึกษาแห่งนั้นปล่อยปละละเลย ไม่มีมาตรการป้องกันปัญหาที่เหมาะสม ก็สมควรที่จะเข้าสู่มาตรการลงโทษ โดยการสั่งปิดสถานศึกษา แต่ตนอยากเสนอให้เพิ่มมาตรการสำหรับจัดการกับเด็กควบคู่ไปกับมาตรการลงโทษสถานศึกษาด้วย โดยให้มีการขึ้นแบล็คลิสเด็กที่ก่อเหตุทันที รวมทั้งส่งข้อมูลให้กองทุนกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษา (กยศ.) เพื่อให้ กยศ.ขึ้นแบล็คลิส และมีผลต่อการกู้ยืมเงินกับทาง กยศ.ด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี