แถลงผ่าคลอดแฝดสยาม'อินจัน' แพทย์เผยเด็กทั้งสองปลอดภัย
วันศุกร์ ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2557, 17.42 น.
Tag :
3 ต.ค. 57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากคณะแพทย์ พยาบาลโรงพยาบาลอุดรธานี ว่าที่ตึกคลอดได้ทําการผ่าตัดทําคลอดทารกแฝดสยามคล้ายแฝดอินจัน เพศหญิงที่มีหน้าอกติดกัน ส่วนอวัยวะภายในยังไม่ทราบว่าสามารถใช้ร่วมกันได้หรือไม่ แต่ถ้ามองลักษณะภายนอกโดยทั่วไป ก็พบเหมือนเด็กทารกนอนติดกัน ซึ่งเด็กทารกหญิงทั้งสองมีอาการปลอดภัย และสำหรับการผ่าตัดรายนี้ถือเป็นรายที่สองของรพ.ศูนย์อุดรธานี
ล่าสุดวันนี้ เมื่อเวลา 14.00 น ที่ห้องประชุมชั้น 6 อาคารอํานวยการ โรงพยาบาลอุดรธานี นพ.ณรงค์ ธาดาเดช รักษาราชการแทนผู้อํานวยการ รพ.อุดรธานี นพ.เมธา ทรงธรรมวัฒน์ สูตินรีแพทย์ พญ.เกษมพร ไชยเอีย กุมารแพทย์ นางทัศนีย์ เทศประสิทธิ์ รองผู้อํานวยการฝ่ายการพยาบาล เปิดแถลงข่าวการทําผ่าตัดทําคลอดเด็กแฝดสยามรายที่สองของอุดรธานี ในรอบ 15 ปี
นพ.เมธา ทรงธรรมวัฒน์ สูตินรีแพทย์ กล่าวว่า คนไข้ฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคม ตรวจพบเป็นแฝด แต่มาตรวจและสงสัยตัวติดกันเมื่อท้องได้ประมาณ 9 เดือน ก็เลยส่งต่อมาที่โรงพยาบาลอุดรธานี อุลตร้าซาวน์พบมีภาวะตัวติดกันช่วงหน้าอกจึงถึงหน้าท้อง จึงให้คําแนะนํากับคุณแม่ว่าต้องได้รับการแก้ไขรักษาหลังคลอดออกมาแล้ว โดยทําการผ่าตัดคลอดเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น.เศษ การผ่าตัดเป็นการด้วยความราบรื่นไม่มีปัญหา
พญ.เกษมพร ไชยเอีย กุมารแพทย์ กล่าวว่า เด็กแฝดทั้งสองเป็นเพศหญิง บริเวณช่วงหน้าอกและท้องติดกัน น้ำหนักประมาณ 3,980 กรัม ครั้งแรกตัวเขียวหายใจไม่สม่ําเสมอ จึงต้องนําเข้าห้องไอซียูใช้เครื่องช่วยหายใจช่วย และจากการตรวจเบื้องต้นพบอวัยวะใดที่ใช้ร่วมกันมีตับ 1 อัน หัวใจ 1 ดวง ด้านบน 3 ห้อง ด้านล่าง 3 ห้อง คงจะแยกหัวใจออกจากกันไม่ได้ ในส่วนที่จะทําอะไรต่อไปนั้นคงต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญต่อไป
ทางด้าน นพ.ณรงค์ ธาดาเดช รักษาราชการแทนผู้อํานวยการ ร.พ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ภาวะนี้พบได้ยาก แต่เมื่อเวลาเกิดขึ้นต้องเอาใจใส่ดูแลอย่างเต็มที่ ขบวนการต่อไปคือ ถ้าเด็กสามารถทําการผ่าตัดได้จะต้องวินิจฉัยให้ละเอียดว่ามีอวัยวะส่วนไหนร่วมกันหรือแบ่งกันได้ ซึ่งโรงพยาบาลอุดรธานีมีกุมารศัลยแพทย์ แพทย์ผ่าตัดหัวใจมีความพร้อมในระดับหนึ่ง ก็ได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น ที่มีประสบการณ์ในการผ่าตัดตัวติดกัน ก็แนะนําว่าตรงส่วนนี้เราต้องดูว่าถ้าเด็กแข็งแรง ก็สามารถทําคลื่นแม่เหล็กได้คือ MRI ตรวจแน่ชัดว่าอวัยวะทุกส่วนเป็นอย่างไร แล้วจึงจะนําทีมจากโรงพยาบาลศรีนครินทร์มาดูและประชุมร่วมกันเพื่อวางแผนการรักษาต่อไป