ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมวิชาการเกษตรมีแผนเร่งพัฒนาศักยภาพด่านตรวจพืช 5 แห่งในพื้นที่ 4 จังหวัดตามแนวชายแดนไทย-มาเลเซีย กัมพูชา และพม่า ได้แก่ ด่านตรวจพืชสะเดา ด่านตรวจพืชปาดังเบซาร์ จ.สงขลา ด่านตรวจพืชแม่สอด จ.ตาก ด่านตรวจพืชคลองใหญ่ จ.ตราด และด่านตรวจพืชอรัญประเทศ จ.สระแก้ว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการตรวจสอบสินค้าเกษตรที่ส่งออกและนำเข้าผ่านด่านดังกล่าว พร้อมส่งเสริมการค้าสินค้าเกษตรตามแนวชายแดน ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมพร้อมรองรับการเปิดตลาดเสรี ภายใต้กรอบความตกลงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี (AEC) ซึ่งจะเริ่มมีผลในปี 2558 นี้
เบื้องต้นกรมวิชาการเกษตรมีแผนเพิ่มอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืชทั้ง 5 แห่งให้เหมาะสม ทั้งยังจะก่อสร้างและปรับปรุงอาคารสถานที่ของด่านตรวจพืช จัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ รวมทั้งพัฒนาศักยภาพบุคลากรและเจ้าหน้าที่ ให้มีความรู้ความสามารถและมีทักษะในการตรวจสอบสินค้าเกษตร รวมถึงตรวจวินิจฉัยศัตรูพืช และมีความรู้เกี่ยวกับกฎระเบียบและเงื่อนไขการส่งออกและนำเข้าสินค้าเกษตรชัดเจนมากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมรองรับปริมาณสินค้าเกษตรและปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ซึ่งคาดว่า จะมีการส่งออกและนำเข้าผ่านด่านตรวจทั้ง 5 แห่งเพิ่มขึ้นในอนาคต
การพัฒนายกระดับศักยภาพด่านตรวจพืชทั้ง 5 แห่งดังกล่าว จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวและอำนวยความสะดวกในการส่งออกและนำเข้าสินค้าเกษตรตามแนวชายแดนมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันยังเป็นการขยายประตูการค้าไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งมาเลเซีย กัมพูชา และพม่า ซึ่งคาดว่า จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการค้าและการส่งออกสินค้าพืชผักและผลไม้ รวมถึงปัจจัยการผลิตทางการเกษตร และเมล็ดพันธุ์พืชของไทยไปยังประเทศเพื่อนบ้านและกลุ่มสมาชิกอาเซียน และนำรายได้เข้าประเทศเพิ่มสูงขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี