นายกฯกำชับกรมฝนหลวงฯ3ข้อ ห่วงวิกฤติภัยแล้งขาดน้ำทั่วปท.

นายกฯกำชับกรมฝนหลวงฯ3ข้อ ห่วงวิกฤติภัยแล้งขาดน้ำทั่วปท.

วันพฤหัสบดี ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557, 17.46 น.
Tag :

9 ต.ค. 57 นายวราวุธ ขันติยานันท์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร แถลงปรับแผนการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง ว่านายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้สั่งการตามคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่กังวลถึงสถานการณ์ภัยแล้งส่งผลให้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำของประเทศในปัจจุบันและในช่วงฤดูแล้งที่จะมาถึงนี้ โดยให้เร่งรัดการปฏิบัติการฝนหลวงในการเพิ่มปริมาณน้ำฝนในพื้นที่การเกษตร ที่ยังมีความต้องการน้ำฝน รวมไปถึงการเติมน้ำให้กับเขื่อนต่างๆ ให้ได้มากที่สุด ก่อนสิ้นฤดูฝนในปีนี้ โดยกำชับให้กรมฝนหลวงฯดำเนินการในทันที คือ 1.ถ่ายทอดข้อสั่งการที่ให้เร่งรัดการปฏิบัติการฝนหลวงของ นายกรัฐมนตรี ไปยังหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษทั้ง 10 หน่วย และกำชับให้เน้นปฏิบัติการให้ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งติดตามรายงานผลการปฏิบัติการอย่างใกล้ชิดวันต่อวันเพื่อนำเรียนต่อ นายกรัฐมนตรี และรมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2. สั่งการให้ปรับแผนปฏิบัติการฝนหลวง โดยเคลื่อนย้ายหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจากจังหวัดสงขลา มาเสริมในภาคกลางที่จ.นครสวรรค์ ตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. 2557 เป็นต้นไป และให้ทุกหน่วยขยายช่วงเวลาปิดหน่วยจากวันที่ 15 ต.ค. 2557 ไปเป็นวันที่ 31 ต.ค. 2557 ซึ่งคาดว่าสภาพอากาศจะเข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว ความชื้นสัมพัทธ์จะต่ำกว่าเกณฑ์ที่เหมาะสมในการทำฝนหลวง 3. ให้ทุกศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงเตรียมความพร้อมที่จะปฏิบัติการภายใต้มาตรการเฝ้าระวังและปฏิบัติการด้วยหน่วยเคลื่อนที่เร็วของสนามบินนครสวรรค์และนครราชสีมา ที่พร้อมจะบินไปปฏิบัติการฝนหลวงที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงทุกศูนย์ในวันที่มีสภาพอากาศเหมาะสม ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2557 เป็นต้นไปจนถึงวันที่1 มี.ค. 2558 ซึ่งเป็นวันเปิดการปฏิบัติการฝนหลวงประจำปี 2558
 
นายวราวุธ กล่าวต่อว่าในเรื่องเครื่องบิน นักบิน และวัสดุสารฝนหลวง มีความพร้อมที่จะดำเนินการตามมาตรการทั้ง 3 มาตรการ ข้างต้น และแนวทางการดำเนินงานจะยึดแนวพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานให้ไว้ในการแก้ไขปัญหาวิกฤตภัยแล้งที่ประสบความสำเร็จ เมื่อปี พ.ศ. 2542 ซึ่งคาดว่าในช่วงต้นปี พ.ศ. 2558 นี้ สถานการณ์ภัยแล้งจะใกล้เคียงกัน ปี พ.ศ. 2542
 
“ขอให้นักวิทยาศาสตร์ นักบิน ที่ร่วมเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าพระเจ้าอยู่หัว ในปี42 ที่ทรงมีพระราชดำรัสเรื่องเทคนิกขึ้นบินและปฎิบัติการฝนหลวง ซึ่งพระองค์ทรงพระราชทานพระบรมราโชวาทแก้ภัยแล้งอย่างได้ผลมาแล้ว ขอให้นำพระกระแสรับสั่งของพระองค์ท่านมาช่วยแนะนำและลงไปกำกับให้กับทุกหน่วยปฎิบัติการฝนหลวงทั่วประเทศเพราะพระองค์ได้ทรงรับสั่งในเรื่องการวางแผนการขึ้นปฎิบัติการฝนหลวงว่าต้องดูความชื้นในอากาศให้เหมาะสมและช่วงจังหวะเวลาขึ้นบินหากขึ้นเร็วไปหรือช้าไปอาจจะไม่เกิดผลสัมฤทธิ์ การขึ้นทำฝนหลวงทุกครั้งต้องวางแผนรวมกันก่อนแต่ละศูนย์ทุกๆวัน ซึ่งพระองค์ทรงตรัสด้วยว่าให้ดูสภาพก้อนเมฆ หากมีทั้งเมฆร้อนและเมฆเย็น ต้องใช้เทคนิกการบินแบบซูเปอร์แซนวิส จะทำให้ได้ปริมาณน้ำฝนมากขึ้นเพราะถ้ายิงสารเข้าไปที่ใต้ฐานก้อนเมฆเพียงอย่างเดียวจะได้ปริมาณน้ำฝนน้อย ต้องขึ้นบินปะกบยิงสารตรงยอดเมฆด้วย ทั้งนี้การปฎิบัติการฝนหลวง จะต้องรายงานและประเมินผลส่งให้กับราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง เพื่อถวายรายงานต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทราบ เนื่องจากพระองค์ท่านทรงติดตามความก้าวหน้าทุกวัน ซึ่งเทคนิกพระราชทานทั้งหมดได้นำมาปฎิบัติให้เข้ากับสภาพอากาศเพื่อให้เกิดผลสำเร็จและเพิ่มปริมาณฝนให้ตกในพื้นที่เป้าหมายคาดว่าจะเพิ่มปริมาณน้ำในเขื่อนได้อีก 30-40 เปอร์เซนต์”นายวราวุธ กล่าว
 
อธิบดีกรมฝนหลวง กล่าวอีกว่าสถานการณ์ภัยแล้งจะต่อเนื่องไปและอาจจะยาวถึง 7 เดือนจากนี้ เนื่องจากปรากฎการณ์แอลนิโญ่ ที่เริ่มชัดเจนตั้งแต่ต้นปี 2557 ส่งผลปริมาณน้ำฝนต่ำกว่าเกณฑ์ทำให้น้ำในเขื่อนอยู่ในระดับวิฤกติ นายกรัฐมนตรี ห่วงว่าปีหน้าจะวิฤกติหนักหากฤดูฝนมาช้าและไม่มีน้ำฝนมาเติมในเขื่อนหลังจากที่นำน้ำสำรองมาใช้หมดแล้ว จึงได้สั่งการให้เร่งทำฝนหลวงในช่วงปลายฤดูฝนเพื่อช่วงชิงความชื้นในอากาศมาทำฝน ในพื้นที่เป้าหมายเช่นภาคเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมหลักของประเทศด้วย จึงต้องเก็บกักน้ำไว้ให้ได้มากที่สุด ก่อนจะสิ้นฤดูฝนปลายเดือนตุลาคมนี้
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top