น่าคิดสุดๆสำหรับคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่ตำรวจตามจับตัวผู้ต้องสงสัยได้โดยเป็นชาวพม่า 2 คน แถมทั้ง 2 คนยังรับสารภาพว่าเป็นผู้กระทำการเลวร้ายนี้ด้วย ทว่าเรื่องมันไม่ได้จบลงง่ายๆเพราะญาติๆผู้ต้องหามีความครางแคลงใจว่าตำรวจไทยมีการจับแพะ แม้คนไทยเองหลายส่วนก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเชิงทำนองว่า”มันเป็นไปได้หรือ” ถ้าเกิด”โอ้ละพ่อ”ขึ้นมา ปรากฏมีแพะจริงเมืองไทยย่อมเสียหน้าเสียหายหนักหนาสาหัสสากรรจ์ทีเดียว โดยเฉพาะตำรวจก็อาจต้องถูกประณามฉาวโฉ่ไปทั่วโลก ประเด็นนี้คงไม่เหมือนกับตำรวจเลวบางคนจับคนบริสุทธิ์เข้าเก็ตเฮ้าส์แล้วกระทำการอุบาทว์ซ้อมยัดยาบ้าแล้วลอยนวล สร้างเครือข่ายให้ยานรกแพร่กระจายท้าทายกฏหมายบ้านเมืองแน่นอน...
วันนี้ชาวพม่าหรือเมียร์ม่าในอังกฤษรวมตัวกันเรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อความโปร่งใส่ในเหตุการณ์ทั้งหมด มีการลงชื่อส่งให้นายกรัฐมนตรีเมืองผู้ดีที่ถนนดาวนิ่งหรือทำเนียบรัฐบาลถึง 100000 รายชื่อสนับสนุน เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ของแปลกเมื่อเขาข้องใจและสิทธิในการรับรู้ข้อเท็จจริงยัง”ลูกผีลูกคน” คนที่เขารู้จักสิทธิและสิทธิกถูกคุ้มครองมากว่าคนในเมืองไทย จึงต้องออกมาจึ้ให้รัฐบาลอังกฤษเข้าพิสูจน์ทราบ...
บอกตรงๆสิทธิ์และการคุ้มครองสิทธิ์ประชาชนในประเทศที่พัฒนาแล้วดีกว่าประเทศ”กึ่งด้อยกึ่งพัฒนา”อย่างเมืองไทยชนิด”ฝาเท้าหลังเท้า”ทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามขอเอาใจช่วยตำรวจไทยที่ตั้งใจทำงานเพื่อชาติเพื่อบ้านเพื่อเมือง และคาดหวังว่า2ผู้ต้องหาชาวเมียร์ม่าคือคนที่ฆ่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษจริง...
ดร.สุเมฆ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา เปรี้ยงปร้างในช่วงบรรยายเรื่องเศรษฐกิจเพียงพอตอนหนึ่งให้ผู้เข้าอบรมหลักสูตรนักบริหารระดับสูง”ธรรมาภิบาลสิ่งแวดล้อม” ณ โรงแรมรามากาเด็นว่า บ้านเมืองที่มีปัญหาเพราะไม่รู้จักคำว่า”ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ” ความหมายอีกนัยหนึ่ง คือไม่รู้จักรักษาและใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ โดยเฉพาะต้นไม้ตัดกันไม่ได้นึกถึงผลกระทบ กทม.ก็ตัดกลางต้น(“ไผ่ฎำ”ใช้คำว่าโล้น-ด้วน-เหี้ยน”) ต่างจังหวัดก็มีลักษณะคล้ายๆกัน ทำไมไม่คิดถึงผลแห่งการกระทำบ้าง...
เรื่องนี้ ดร.สุเมธ พูดได้ตรงจุดตรงใจยิ่งนัก เพราะนับวันบ้านเมืองจะเข้าสู่ทางตันทางสิ่งแวดล้อมมากขึ้นทุกวัน ท่ามกลางกระแสผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมก็หลอกตัวเอง และหลอกชาวบ้านเสมอต้นเสมอปลายเช่นกันว่า สิ่งแวดล้อมรวมถึงป่าไม้มีมากขึ้น ประเด็นนี้ทุเรศแลเห็นชัดๆว่าไม่เป็นความจริง สิ่งแวดล้อมปัจจุบันเลวร้ายกว่าแต่ก่อนมาก เพราะ กลุ่มทุนเห็นแก่ตัวแฝงตัวเข้าไปยึดครองทรัพยากรธรรมชาติตัดไม้ทำลายป่า บวกกับผู้มีอิทธิพลนักการเมืองบางส่วน เจ้าหน้าที่บางคนที่แลเห็นเฉพาะแค่ผลประโยชน์ตัวเองสมคบคิดด้วย ไม่ละเว้นแม้กระทั้ง การรุกล้ำคูคลอง จับจองที่ชายทะเล การระเบิดภูเขาฝุ่นฟุ้งกระจาย การรุกล้ำพื้นที่ริมฝั่งของเกาะต่างๆ ผลปรากฏเกิดมีมลพิษทางสิ่งแวดล้อมอุบาทว์ขยายไปทั่ว อย่างนี้จะบอกว่าสิ่งแวดล้อมดีกว่าอดีตได้หรือ ถ้าสังคมยัง”ตกแหล”หลอกลวงกันเยี่ยงนี้ โอกาสข้างหน้า “ดิน-น้ำ-ลม-ไฟ” จะลงโทษดับชีวิตทั้งหมดแน่
ไผ่ฎำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี