20ต.ค.แจกไร่ละพัน
ชาวนาเฮ!
เริ่มนำร่อง6จังหวัด
วงเงินกว่า4หมื่นล.
สวมสิทธิ์โทษคุก6ปี
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม นายโอฬาร พิทักษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวถึงการนำร่องจ่ายเงินช่วยชาวนาไร่ละ 1 พันบาทตั้งแต่วันที่ 20 ตุลาคม ว่า เบื้องต้นจะจ่ายเงินนำร่องในพื้นที่ 6 จังหวัด ซึ่งมีความพร้อมในการขึ้นทะเบียนและตรวจสอบสิทธิ์ของเกษตรกรแล้ว ได้แก่ จ.กำแพงเพชร ขอนแก่น พิจิตร มหาสารคาม ลพบุรีและจ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีเกษตรกรที่อยู่ในกลุ่มแรกราว 6,000-10,000ครัวเรือน และจะทยอยจ่ายเงินชาวนาทุกจังหวัดอย่างต่อเนื่อง คาดว่า หากไม่มีการคัดค้านในเรื่องบสิทธิ์เกษตรกรจะจ่ายได้ครบทั้งหมดในเดือนพฤศจิกายนนี้
ทั้งนี้ ตามขั้นตอนที่กำหนด คณะกรรมการระดับพื้นที่จะใช้ข้อมูลการขึ้นทะเบียนเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ไปตรวจสอบสิทธิ์กับฐานข้อมูลที่มีอยู่ จากนั้นจะนำรายชื่อไปติดประกาศ หากไม่มีการร้องคัดค้านจะส่งเรื่องให้ทางจังหวัด และส่งให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จ่ายเงินต่อไป
ด้าน นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.ได้เตรียมเม็ดเงินกว่า 40,000ล้านบาท เพื่อโอนให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี ไร่ละ 1,000บาท แต่ไม่เกิน 15ไร่ หรือ 15,000บาทต่อครัวเรือน ตามมติคณะรัฐมนตรีที่ต้องการช่วยลดต้นทุนในการทำนาให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยล่าสุดมีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตรตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาประมาณ 2.8-2.9ล้านราย ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้ตรวจสอบสิทธิ์ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวว่า เป็นเกษตรกรที่จะได้รับการช่วยเหลือและไม่มีการสวมสิทธิ์หรือมีนายทุนเข้ามาแอบอ้าง เพื่อให้มาตรการดังกล่าวเป็นไปด้วยความโปร่งใส และในวันที่ 20ตุลาคม จะเริ่มโอนเงินช่วยเหลือให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั่วประเทศ กว่า 50,000ราย จากนั้นจะทยอยโอนเงินให้จนครบจำนวนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้ภายในวันที่ 30พฤศจิกายน ทั้งนี้ หากพบบุคคลที่ไม่ใช่ชาวนาและมาแอบอ้างสิทธิ์ จะมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 6ปี
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ภัยแล้งเริ่มคุกคามกระทบนาข้าวเกษตรกร ที่กำลังออกรวงและตั้งท้องเป็นวงกว้างที่ ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นพื้นที่นาข้าวอยู่นอกเขตบริการของโครงการชลประทานและไม่มีแหล่งน้ำธรรมชาติไหลผ่าน ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะภัยแล้งส่งผลกระทบนาข้าวกำลังออกรวงใกล้แห้งตาย เนื่องจากปีนี้ฝนตกน้อย และทิ้งช่วง ทำให้ภัยแล้งมาเร็วกว่าทุกปี ทำให้เกษตรกรบางรายต้องแก้ปัญหาโดยการลงทุนซื้อเครื่องสูบน้ำและน้ำมัน เพื่อเร่งสูบผันน้ำในสระน้ำที่แห้งขอดใส่นาข้าวที่กำลังตั้งท้องออกรวง เพื่อลดปัญหาการสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นกับนาข้าว
นายสมหมาย ไม่สนิท อายุ 62ปี ชาวนา ต.เสม็ด อ.เมือง กล่าวว่า ปีนี้ไถ่หว่านข้าวถึง 2 ครั้ง ในพื้นที่เพาะปลูก 5ไร่ ลงทุนไปกว่า 70,000บาท เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งฝนทิ้งช่วง ขณะนี้ต้นข้าวกำลังออกรวงและตั้งท้อง กลับถูกภัยแล้งคุกคามซ้ำเติมหนัก น้ำในนาข้าวแห้งขอดตั้งแต่ต้นฤดูต้นข้าวใกล้แห้งตาย ทำให้ต้องลงทุนซื้อเครื่องสูบน้ำมาสูบในสระที่แห้งขอด เพื่อช่วยเหลือต้นข้าวบางส่วนที่ใกล้เสียหาย ถึงแม้จะไม่สามารถช่วยให้ต้นข้าวฟื้นคืนได้ทั้งหมดก็ตาม จึงวอนขอความช่วยเหลือจากภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือและแก้ไขปัญหา เพราะขณะนี้ไม่รู้จะสูบน้ำจากแหล่งใด เนื่องบริเวณพื้นที่นาดังกล่าว ไม่มีแม่น้ำลำคลองและแหล่งน้ำธรรมชาติ ที่จะให้สูบใส่นาข้าวโดยหากต้นข้าวที่กำลังออกรวงไม่มีน้ำหล่อเลี้ยง เมล็ดก็จะลีบหรืออาจจะแห้งตายเสียหายทำให้ไม่ได้ผลผลิต ทั้งยังได้ประสบปัญหาภัยแล้งนาข้าวไม่ได้ผลผลิตต่อเนื่องมา 3ปีแล้ว ทำให้มีหนี้สินสะสมจากการทำนาเป็นจำนวนมาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี