ความรวดเร็วของการส่งและรับข้อมูลผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารในยุคปัจจุบัน เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า สื่อ คือ กลไกสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมและนำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมในระบบสังคมรวมไปถึงการกำหนดนิสัย คุณลักษณะของผู้คนในสังคม
จากสถานการณ์ที่ผ่านมาข้อมูลที่เกิดจากการรายงานข่าวของสื่อมวลชน อันเกิดจากการคัดเลือกประเด็นหรือวาระทางสังคม ทำให้ประชาชนเชื่อถือสื่อมวลชน และเมื่อสื่อบุคคลนำเอาข้อมูลจากสื่อมวลชนไปสื่อสารต่อยิ่งทำให้วาระและประเด็นทางสังคมมีระดับความเข้มข้นสูงกว่าเดิมไม่เพียงเท่านั้นยังมีส่วนสำคัญต่อการขยายวงกว้างของวาระและประเด็นที่ใครสักคน ซึ่งมีสื่อ (วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ สื่อสิ่งพิมพ์ทั้งขนาดเล็กกลาง ใหญ่ และสื่อใหม่) เป็นผู้เลือกสรรและสร้างเนื้อหาต่อๆ ไปจากคนสู่คน จากคนสู่กลุ่ม จากกลุ่มสู่มวลชนและจากมวลชนสู่ประชาชน
การสื่อสารที่มีเสรีภาพแต่ ไร้ขอบเขตจำกัดเป็นเรื่องที่ยอมรับกันในสังคมไทยแต่อาจจะมิใช่ในสังคมนานาประเทศ เพราะประชาชนในสังคมของประเทศต่างๆ นั้น มีความแตกต่างของระดับความรู้และความรู้เท่าทันสื่อต่างจากกัน
ไม่เพียงเท่านั้นการแสดงออกทางความคิดเห็น และการที่ประชาชนจะมีระดับพื้นฐานความรู้เพื่อให้เกิดความเข้าใจถ่องแท้ในข้อมูลใดข้อมูลหนึ่งหรือข้อมูลทั้งหมดย่อมเป็นสิ่งที่ควรได้รับความสำคัญเป็นที่หนึ่ง แต่โดยส่วนใหญ่ผู้รับสารทั่วไปมักจะได้รับข้อมูลข่าวสารที่มายังปลายทางมิได้ออกจากแหล่งกำเนิดของสาร เช่น กรณีการนำเสนอเนื้อหาฆ่าข่มขืน ผู้ทำหน้าที่สื่อมักจะนำเสนอข่าวและรายงานเนื้อหา เล่าเหตุการณ์สถานการณ์อย่างมีรสชาติและพยายามจะนำเสนอตัวแสดงแต่ละตัวที่มีบทบาทในการเป็นผู้ร้าย หรือหาใครสักคนให้กลายเป็นผู้กระทำผิดเพียงแค่ขอบันทึกคำให้การของเจ้าหน้าที่ตำรวจมา เรียบเรียงเขียนใหม่ให้ดูราวกับละครเรื่องหนึ่งคนอ่านก็จะทำหน้าที่ในค้นหาหาตัวแสดงผู้ร้ายในละครเรื่องใดเรื่องหนึ่งร่วมไปในข้อความนั้นและบอกต่อๆ กันไปจากหนึ่งเป็นสองเรื่อยไปจนทราบกันทุกคน อันเป็นการสื่อสารที่ตัดสินชีวิตใครสักคนมากกว่าจะรอให้ศาลมาตัดสินชะตาชีวิตใครคนนั้น (Prejudice) การละเลยของนักการสื่อสารมวลชนบ่อยครั้งสร้างพฤติกรรมการสื่อสารที่เลียนแบบในฐานะสื่อที่ทำหน้าที่เป็นผู้ส่องทางสังคม และเป็นเสมือนครูของห้องเรียนขนาดใหญ่ จนนำชุดข้อมูลไปสื่อสารต่อๆ กันไปทั้งที่แปลงสารและไม่ได้แปลงสารในโลกสังคมออนไลน์อย่างไร้ขอบเขตทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว “สื่อ” ไม่มีสิทธิ์ ในการทำหน้าที่ตัดสินชะตาชีวิตแต่มีสิทธิ์เพียงทำหน้าที่ให้ความยุติธรรมกับผู้ที่ถูกกระทำทั้งทางด้านจิตใจและร่างกาย อันเป็นหลักกฎหมายและจริยธรรมของสื่อสารมวลชนที่ได้รับการถ่ายทอดกันมายาวนานนับตั้งแต่แรกเริ่มมีการสื่อสารขึ้นในโลก
การขาดทักษะที่จะเข้าใจถึงความแตกต่างทางกฎหมายของประเทศต่างๆ และการที่สื่อมวลชนเพิกเฉยที่จะเข้าถึงหลักสิทธมนุษยชน หลักการละเมิด และหลักจริยธรรม ของทุกคนไม่ว่าผู้นั้นยังมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต หรือแม้กระทั่งการพยายามทำให้เกิดผลงานของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง คือ สิ่งสะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทย ต้องการเพียงควานหาผู้กระทำผิดและหรือเพื่อทำให้ตนหรือใครสักคน (ใครคนนั้นมีอำนาจ และชนชั้นทางสังคม)เพื่อให้ใครคนนั้นได้กลายเป็นคนเก่ง โดยเพิกเฉยที่จะสนใจว่าใคร สิ่งใดจะได้รับผลกระทบตามมา ความโกลาหล (Chaos)ของเหตุการณ์จึงยิ่งบานปลาย และจะต้องหาวิธีการทำให้เรื่องจบลงด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง
การปฏิรูประบบราชการในปัจจุบันจึงมีการระบุให้หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางด้านการสื่อสารทั้งที่เป็นองค์กรของรัฐและหน่วยงานไม่แสวงหาผลกำไรต่างๆ นำเสนอกรอบความเห็นด้านการปฏิรูปสื่อมวลชนในประเทศ อันครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการสื่อสารไปจนถึงการเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของสื่อในยุคดิจิตอลอย่างเท่าทัน ซึ่งมีความหลากหลายในวิธีการจัทำกิจกรรมทั้งระดับจุลภาคไปจนถึงระดับมหภาค
แต่สิ่งที่คาดหวังในการปฏิรูปสื่อมวลชนครั้งนี้อาจจะยังไม่ใช่เพียงแค่การจับจ้องในการจัดสรรงบประมาณให้ทำการสื่อสาทิศทางใดทิศทางหนึ่งให้กับหน่วยงานหรือองค์กรที่ได้รับการมอบหมายอยู่เป็นประจำเท่านั้นเพราะนั่นคงไม่ใช่นิมิตหมายที่ดีของการปฏิรูปสื่อ แต่ควรจะมีทิศทางในการมอบหมายและสนับสนุนให้มีการสร้างบุคคลทางด้านการสื่อสารใหม่ๆ ให้กับหน่วยงานและสถาบันการศึกษาที่มีหลักสูตรทางด้านการสื่อสารและนิเทศศาสตร์ได้มีส่วนในการผลิตบุคลากรทางด้านการสื่อสารให้มีความฉลาดและใช้เครื่องมือการสื่อสารให้เป็นจนไม่อาจจะตกไปเป็นเหยื่อของทุนนิยมและเป็นต้นทางแรกที่จะรักษาและห้ามการเกิดใหม่ของนักการสื่อสารที่จะทำให้สังคมเสียหายต่อไปในอนาคต
อย่างไรก็ตามหลักการปฏิรูปสื่อต้องเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนวิธีการสื่อสารซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นการสื่อสารเพื่อการประชาสัมพันธ์เพียงด้านเดียว และไม่จำเป็นต้องเป็นการสื่อสารที่แสดงให้เห็นผลงานเพียงเท่านั้น แต่ควรจะมีทิศทางในการสื่อสารสะท้อนกลับไปกลับมาผ่านช่องทางการสื่อสารที่หลากหลายโดยมีตัวกลางในการจับประเด็นหรือทำหน้าที่ในการสรุปประเด็นและนำเอาข้อมูลที่ดี ได้รับ การตรวจสอบข้อมูลอย่างถูกต้องและเหมาะสมไปปรับปรุง พัฒนาภายใต้การบริหารจัดการที่ยืดหยุ่นทั้งในด้านนโยบายและงบประมาณเพื่อให้เกิดความสุขโดยทั่วกันอย่างที่ได้ระบุไว้ในสโลแกนกับแบรนด์ (Brand) “คืนความสุขให้ประชาชน (คสช.)” นั่นเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี