กก.สิทธิฯพบปมซ้อม2พม่า
สั่งตร.ชุดสอบสวนเข้าชี้แจง
สตช.ยันไม่มีทำร้ายผู้ต้องหา
ความคืบหน้าคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษบนเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ศ.อมรา พงศาพิชญ์ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนฯพร้อม นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ได้เชิญพ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร เกาะพงัน เข้าชี้แจง กรณีมีผู้ร้องเรียนว่ามีการซ้อมทรมาน 2 เเรงงานต่างด้าวชาวพม่าที่เป็นผู้ต้องหาคดีฆาตกรรม
2 นักท่องเที่ยวอังกฤษที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งมี พญ.คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กับทีมแพทย์ และเจ้าหน้าที่ลงไปในพื้นที่เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม เข้าร่วมให้คำชี้แจง
นพ.นิรันดร์ แถลงหลังการประชุมว่า จากการรับฟังข้อเท็จจริงจากทุกฝ่าย และได้รับข้อมูลจาก พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.เกาะพงัน ว่า คดีนี้มีชุดสืบสวนทั้งระดับพื้นที่และจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติจำนวนหลายชุด แต่ยืนยันเมื่อจับกุมผู้ต้องหาไม่มีการซ้อมทรมาน และผู้ต้องหาได้รับสิทธิในการตั้งทนายความ ทั้งนี้ไม่สามารถยืนยันได้ว่า การซ้อมทรมานเกิดขึ้นในขั้นตอนใดเพราะกระบวนการสืบสวนของแต่ละหน่วยงานที่ลงไปนั้น ไม่สามารถไปก้าวก่ายได้
“ดังนั้นวันที่ 27 ตุลาคม อนุกรรมการจะเชิญตัวแทนชุดสืบสวนทั้งหมด รวมทั้ง พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บังคับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาลและ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รอง ผบ.ช. ภ.8 มาชี้แจงข้อมูลอีกครั้งว่า มีการสอบสวนที่เกี่ยวกับการซ้อมทรมานหรือไม่”
นพ.นิรันดร์ กล่าวอีกว่า จากการลงพื้นที่เกิดเหตุ ของเจ้าหน้าที่ กสม.ร่วมกับ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ผู้ต้องหาได้ให้ข้อมูลตรงกันว่า เจ้าหน้าที่มีพฤติกรรมซ้อม ทุบตี ทำร้าย มีการใช้ถุงพลาสติกคลุมหัว จากการตรวจร่างกาย เบื้องต้นไม่พบบาดแผล แต่พบจุดกด เจ็บที่หน้าอกของผู้ต้องหา 1 ราย ซึ่งยังไม่ทราบเป็นอาการเจ็บของกระดูกหรือกล้ามเนื้อ อนุกรรมการจะทำจดหมายถึงผู้บัญชาการเรือนจำ ขอให้มีการเอ็กซ์เรย์ร่างกาย 2 ผู้ต้องหาว่า มีร่องรอยบาดแผลหรือไม่
“อย่างไรก็ตาม กสม. จะตรวจสอบเพียงเรื่องการละเมิดตามที่มีการร้องว่าซ้อมผู้ต้องหาเท่านั้น ไม่ได้ตรวจสอบว่าผู้ต้องหา เป็นผู้กระทำผิดจริงหรือไม่ ไม่ใช่หน้าที่ แต่กสม.จะเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยความเป็นธรรม ก่อนจะสรุปข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าว” นพ.นิรันดร์ ย้ำ ส่วนเป็นการซ้อมเพื่อให้รับสารภาพจริงหรือไม่ นพ.นิรันดร์ ตอบว่า “เขาบอกว่าถูกซ้อม แต่เราไม่รู้ว่า มีการกระทำอย่างที่กล่าวหาหรือเปล่า”
เย็นวันเดียวกัน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงถึงกรณีการตั้งประเด็นข้อสงสัยถึงการซ้อมผู้ต้องหาว่า แพทย์ที่ตรวจร่างกายของผู้ต้องหายืนยันว่า ตามร่างกายไม่พบบาดแผลใดๆ และก่อนฝากขังแพทย์ของเรือนจำ จ.สุราษฎร์ธานี ยังได้ตรวจร่างกายซ้ำอีกครั้ง อีกทั้งทางสถาบันนิติเวชก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจร่างกายอีกรอบ ซึ่งผลตรวจทุกอย่างยืนยันได้ว่า ไม่มีการซ้อมผู้ต้องหา แต่มีแพทย์ของเรือนจำ จ.สุราษฎร์ธานี ระบุว่ามี 1 ใน 2 ผู้ต้องหามีอาการเจ็บที่หน้าอก แต่ไม่มีบาดแผล ซึ่งไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าผู้ต้องหาถูกซ้อม
ส่วนความคืบหน้าของคดีนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะอัยการจังหวัดเกาะสมุย และอัยการภาค 8 กำลังเร่งพิจารณาสำนวน หลังพนักงานสอบสวนในส่วนของตำรวจส่งมอบสำนวนคดีครบสมบูรณ์แล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นายธวัชชัย เสียงแจ้ว อธิบดีอัยการภาค 8 แนะนำให้ไปแก้ไขในบางประเด็นที่ยังบกพร่อง คาดว่าทางอัยการจังหวัดเกาะสมุย จะสามารถสรุปสำนวนคดียื่นต่อศาลจังหวัดเกาะสมุย เพื่อสั่งฟ้องได้ภายในสัปดาห์นี้
ด้าน พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่มีสถานฑูตอังกฤษหรือทางตำรวจอังกฤษหรือใครติดต่อมาเพื่อร่วมเข้าทำคดีฆ่า2นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษซึ่งในกระบวนการสอบสวนของตำรวจไม่มีระเบียบ หรืออำนาจ หรือสิทธิจะให้ใครมาสอบสวนตรงนั้นได้ เพราะในกระบวนการสอบสวนดำเนินการเสร็จแล้ว และส่งมอบสำนวนให้อัยการไปแล้ว ในส่วนตำรวจอังกฤษคงไม่สามารถเข้ามาร่วมสอบสวนคดีใหม่ได้ แต่สามารถร่วมฟังการเบิกความสืบพยานและจำเลยได้ ซึ่งตำรวจจะพยายามเท่าที่จะทำได้ภายใต้กฎหมายไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี