ถึงแม้จะรับรู้กันเป็นอย่างดีว่า โครงการรับจำนำข้าว อภิมหาประชานิยมผลาญชาติในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้สร้างความฉิบหายวายวอดแก่ประเทศชาติ เป็นมูลค่าความเสียหายหลายแสนล้านบาท แต่ก็ยังอดที่จะปวดใจ “จี๊ด” ขึ้นมาอย่างมากไม่ได้ เมื่อมีข่าวล่าสุดจากร.ม.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าทีมเศรษฐกิจว่า กำลังมีแนวความคิดที่จะออกพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว 30 ปี ราว 8-9 แสนล้านบาท เพื่อเอาเงินมาใช้ล้างหนี้ความเสียหายที่เกิดขึ้น
ร.ม.ว.ปรีดิยาธรหรือ“หม่อมอุ๋ย”ระบุว่า ที่ผ่านมามีความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวและสินค้าเกษตรอื่นๆ รวมแล้วถึง 8-9
แสนล้าน โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ การปิดบัญชีโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรทุกชนิดของรัฐบาลที่ผ่านๆ มาก่อนหน้านั้น จนถึงปี 2553 ที่พบว่าขาดทุนรวมกันราว 2 แสนล้านบาท อีกส่วนเป็นความเสียหายจากโครงการจำนำข้าวเฉพาะปีการผลิต 2554/55 และปีการผลิต 2555/2556 ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ขาดทุนสูงถึง 5 แสนล้านบาท และหากรวมการขาดทุนโครงการจำนำข้าวในปีการผลิต 2556/2557 ที่ยังรอตรวจสอบความชัดเจนอีกครั้ง ซึ่งคาดว่า น่าจะไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท
นั่นเท่ากับว่า เฉพาะโครงการจำนำข้าวยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ 2 ปีกว่า ได้สร้างความฉิบหายให้กับประเทศชาติไปถึง 7 แสนล้านบาท
“นับเป็นนโยบายที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศมากที่สุด และในโลกนี้ก็ยังไม่มีนโยบายอะไรที่สร้างความเสียหายได้มากถึงขนาดนี้” นี่เป็นความเห็นของหม่อมอุ๋ย
ส่วนการล้างหนี้ด้วยการออกพันธบัตรระยะยาวเป็นเวลาถึง 30 ปีนั้น ก็เป็นแนวทางเดียวกับที่ใช้ในการล้างหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูสถาบันการเงินที่เกิดความเสียหายเป็นมูลค่านับล้านล้านบาท ในช่วงวิกฤติ“ต้มยำกุ้ง”เมื่อปี 2540
การใช้แนวทางออกพันธบัตรระยะยาวมาชำระหนี้ก้อนมหึมาเหล่านี้ ว่าไปแล้วก็คือ การผ่อนชำระหนี้ความเสียหาย เพื่อมิให้แต่ละปีต้องตั้งงบประมาณสำหรับชำระหนี้สูงเกินไป จนส่งผลกระทบต่องบประมาณการลงทุนที่จะใช้ในการพัฒนาบ้านเมือง แต่ถ้าจะว่าอีกอย่าง ก็เท่ากับโครงการจำนำข้าว อภิมหาประชานิยมผลาญชาตินี้ ได้สร้างความเสียหายสูงขนาดที่ประเทศชาติต้องผ่อนชำระไปถึง 30 ปี เสียโอกาสของชาติไปอีกมโหฬาร
ที่น่าแค้นใจ ก็คือ ประเทศชาติต้องแบกรับความเสียหายนี้ โดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่เป็นผู้ทำนโยบายนี้ออกมาใช้ทำลายชาตินั้น ยังไม่มีวี่แววว่า จะต้องชดใช้อะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นการชดใช้ความเสียหายด้วยการยึดทรัพย์มาชำระคืน หรือชดใช้ด้วยโทษทางอาญาต่างๆ ก็ตาม
เพราะจนบัดนี้ ในส่วนของอัยการสูงสุดก็ยังคง“ยื้อ”เรื่อง ไม่ยอมที่จะสั่งฟ้องอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ในคดีที่เกี่ยวกับโครงการจำนำข้าว ตามที่ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดไว้
ลำพังแค่ตัวเลขที่ชัดเจนถึงความเสียหายต่อประเทศชาติสูงถึง 7 แสนล้าน ที่ได้รับการยืนยันจากรองนายกฯหัวหน้าทีมเศรษฐกิจอย่างหม่อมอุ๋ย ก็น่าที่จะฟ้องได้สบายๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องว่าถึงเรื่องการ“ทุจริต”ที่ทำกันเป็นขบวนการใหญ่โตเสียด้วยซ้ำ...แต่นี่เพราะอะไรกัน อัยการถึงยัง“ยึกยัก”อยู่
ตอกย้ำความเจ็บปวดตรงนี้ ด้วยข้อมูลที่นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช.ที่เอาจริงกับคดีทุจริตจำนำข้าวอย่างเข้มแข็งและกล้าหาญ ได้พูดออกมาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยย้ำว่า โครงการจำนำข้าวเป็นการทุจริตเชิงนโยบายที่ชั่วร้ายที่สุด เพราะมีการวางแผนกันมาล่วงหน้าเพื่อเอื้อประโยชน์พวกพ้อง โดยขณะนี้เงินที่โกงจากโครงการนี้ ส่วนใหญ่ถูกขนออกนอกประเทศไปแล้ว ไม่ได้อยู่ในประเทศ ซึ่งป.ป.ช.ก็กำลังหาทาง หาความร่วมมือจากป.ป.ช.ทั่วโลกเพื่อติดตามเงินเหล่านี้อยู่...
ก็ไม่รู้จะมีความหวัง ทวงเงินที่โกงจำนำข้าวกลับมาได้จริงสักแค่ไหนทั้งหลายทั้งปวงนี้ คือ ความเจ็บปวดครั้งยิ่งใหญ่ของชาติไทย กับโครงการอภิมหาประชานิยมผลาญชาติ ที่จะต้องจดจารไปชั่วลูกชั่วหลาน อย่างน้อยก็อีก 30 ปีในชั่วเวลาที่ประเทศชาติ ต้องแบกภาระชดใช้หนี้พันธบัตร 8-9 แสนล้านที่เอามาล้างหนี้ความเสียหายครั้งนี้
สาโรช บุญแสง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี