'เลิศวิโรจน์'ชี้ภัยแล้งในรอบ20ปี ใช้งบฯ58จ้างเกษตรซ่อมระบบชลฯ
วันศุกร์ ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557, 12.53 น.
Tag :
24 ต.ค. 57 นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ตามที่รัฐมีมติให้มีการงดการปลูกข้าวนาปรังโดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลองในช่วงฤดูแล้ง นับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.57 ถึงเดือนเม.ย.58 เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้มีงานทำและมีรายได้ในช่วงภัยแล้ง ในส่วนของกรมชลประทานได้สั่งการไปยังหน่วยงานในสังกัดที่มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้งที่อาจเกิดขึ้นในปี 58 และพื้นที่ที่งดการส่งน้ำสำหรับทำนาปรังในฤดูเพาะปลูก 57/58 ให้เตรียมความพร้อมในการว่าจ้างแรงงาน ปรับปรุง ซ่อมแซมอาคารชลประทาน สำนักงาน บ้านพัก ระบบชลประทาน และขุดลอกคูคลอง เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วง 3 เดือนแรกของปีงบประมาณปี58 โดยมีงบประมาณสำหรับจ้างแรงงานและงบกระตุ้นเศรษฐกิจดำเนินการทั่วประเทศ รวม 4,137 ล้านบาท
"เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่สองลุ่มน้ำไม่มีน้ำทำนาปรังในรอบ 20 ปี และเป็นครั้งแรกของกรมชลฯที่เสนอเข้าครม.เพื่อให้ตัดสินใจงดส่งน้ำทำนาปรังเพราะมีกระทบกับเกษตรกรจำนวนมาก รวมทั้งทำอย่างไรให้เกษตรกรมีรายได้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเกิดเงินหมุนเวียนในระบบได้ 4 เท่าโดยรัฐบาลและหน่วยงานราชการใช้จ่ายออกมา การไปสร้างใหม่อาจล่าช้า ซึ่งกรมชลฯมีสิ่งก่อสร้างจำนวนมากเราต้องดูแลการและใช้เงินไปซ่อมแซม เชื่อว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ภายใน3 เดือน"อธิบดีกรมชลประทาน กล่าว
นายเลิศวิโรจน์ กล่าวว่าฤดูเพาะปลูกพืชฤดูแล้งเริ่ม 1 พ.ย.ในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา ส่วนลุ่มน้ำแม่กลอง เริ่ม 1 ธ.ค. ตนขอเน้นย้ำวันนี้ถือเป็นเรื่องความสำคัญของประเทศ ต้องซักซ้อมทำความเข้าใจ การรับสมัครเกษตรกรในพื้นที่ โดยจะขยายมาตราการจ้างงานเกษตรกรนี้ไปสู่พื้นที่อื่นที่ประกาศงดทำนาปรังต่อไปด้วย เช่นเขื่อนแม่งัด แม่กวง ลำตะคอง ลำพระเพลิง อุบลรัตน์ ทับเสลา กระเสียว ศรีนครินทร์ เขื่อนวชิราลงกรณ์ ที่อาจจ้างงานมาเป็นลูกจ้างชั่วคราวกรมชลฯที่มีการก่อสร้างในพื้นที่ตนยากให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพราะปริมาณน้ำต้นทุนน้อยทุกเขื่อนทั่วประเทศ
โดยในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการงดการส่งน้ำเพื่อการปลูกข้าวนาปรังมากที่สุด ได้ดำเนินการจ้างแรงงานภาคเกษตร รวม 1,467.19 ล้านบาท แบ่งเป็นงบปกติประจำปีที่ใช้ในการซ่อมแซมและปรับปรุงระบบชลประทาน รวมทั้งงานก่อสร้างโครงการชลประทานขนาดเล็กและสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้า รวม 919.20 ล้านบาท ขณะนี้ได้ให้หน่วยงานในส่วนภูมิภาคดำเนินการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว คาดว่าจะสามารถจัดสรรให้กับโครงการชลประทานต่าง ๆ ได้ภายในต้นเดือนพ.ย.นี้ ส่วนงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อใช้ในการจ้างแรงงานในครั้งนี้รวม 547.99 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอรับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณ
นายเลิศวิโรจน์ กล่าวว่าในส่วนเงื่อนไขการจ้างแรงงานได้พิจารณาว่าจ้างเกษตรกรที่มีชื่อบัญชีครัวเรือนที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตร หรือสมาชิกกลุ่มผู้ใช้น้ำชลประทาน ที่มีแปลงเพาะปลูกที่อยู่ในเขตประกาศงดส่งน้ำเพื่อทำนาปรังในฤดูเพาะปลูก 57/58 เป็นอันดับแรก ถ้าหากมีแรงงานไม่เพียงพอถึงจะพิจารณาว่าจ้างเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงเริ่มจาก หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด และลุ่มน้ำ ตามลำดับ
“ระหว่างนี้ให้เจ้าหน้าที่กรมชลฯเร่งชี้แจงและประชาสัมพันธ์ ให้เกษตรกรได้รับทราบเพื่อที่จะเข้าร่วมโครงการว่าจ้างแรงงานเกษตรกรโดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำแม่กลอง ในการขอบัญชีรายชื่อเกษตรกร เพื่อนำมาประสานงานกับเกษตรกรให้เข้าร่วมโครงการมากที่สุด โดยจะต้องเก็บหลักฐานการดำเนินงานทั้งหมดไว้ใช้ในการตรวจสอบ และยืนยันความโปร่งใสในการทำงาน พร้อมทั้งให้รายงานผลความก้าวหน้าการปฏิบัติงานให้ทราบถึงความต่อเนื่องทั้งนี้การดำเนินงานทั้งหมดจะต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 31 ธ.ค. 57 "นายเลิศวิโรจน์