24 ต.ค. 57 นายสุเทพ น้อยไพโรจน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวในระหว่างประชุมเตรียมความพร้อมการจ้างแรงงานและมาตราการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบปี 58 ของกรมชลประทานโดยมีสำนักงานชลประทานทั่วประเทศ เข้าร่วมรับฟัง ว่าในปี 36-37 เคยมีปริมาณน้ำต่ำสุด ทั้งลุ่มเจ้าพระยาและแม่กลอง แต่ในช่วงนั้นเขื่อนภูมิพลและสิริกิติส์ ส่งน้ำเข้าระบบอุปโภคและบริโภคในพื้นที่ กทม.และปริมณฑ 2 ล้านลบม.ต่อวัน ส่วนในปัจจุบันต้องส่งน้ำวันละ 5 ล้านลบม.และขณะนี้มีชาวนาไม่เชื่อฟังปลูกข้าวนาปรังไปกว่า 3 แสนไร่แล้ว
"ปริมาณน้ำลุ่มเจ้าพระยาและแม่กลอง มีประมาณกว่า9 พันล้านลบม.ที่ผ่านมาสองลุ่มนี้มีปริมาณน้ำไม่เคยต่ำกว่าหมื่นล้านลูกบาศ์กเมตร และต้องสำรองน้ำไว้ถึงปีหน้า 3,600 ล้านลบม.ซึ่งการใช้น้ำเฉพาะกทม.เท่านั้น 2 ล้านลบม.ต่อวันในช่วง6 เดือนข้างหน้า ดังนั้นการวางแผนจัดการน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุน ถ้าบริหารจัดการไม่ได้ อาจต้องนำน้ำสำรองมาใช้ซึ่งไม่อยากให้เกิดขึ้น "นายสุเทพ กล่าว
รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่าแผนระบายน้ำช่วง 6เดือนต่อจากนี้ต้องระบายจากเขื่อนภูมิพล สิริกิติส์ แควน้อยฯ ป่าสักฯ มาลง ลุ่มเจ้าพระยา ในอัตราเฉลี่ย 60 ลบม.ต่อวินาทีหรือวันละ 5 ล้านลบม.โดยปีที่ผ่านมา ที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ในช่วงเกิดน้ำทะเลหนุนสูงต้องระบายถึง 70 ลบม.ต่อวินาที ในปีหน้าคาดว่าต้องใช้ปริมาณน้ำไหลผ่านที่บางไทร 80 -100 ลบม.ต่อวินาที จะสามารถผลักดันน้ำเค็มได้และ ทำให้ค่าความเค็ม อยู่ที่ ระดับ 0.25 กรัมต่อลิตร ซึ่งก็เสี่ยงมากที่ค่าความเค็มจะสูงกว่านี้. จึงเตรียมแผนผันน้ำจากคลองชัยนาทมโนรมย์มาช่วยผลักดันด้วย
"สำนักชลประทานในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาและลุ่มน้ำที่เกี่ยวข้อง ต้อง ดูแลอัตราการไหลของปริมาณน้ำตลอดลำน้ำให้ได้ตามนี้เพื่อรักษาการไหลอย่างนี้ให้ได้ไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหา การระบายน้ำปล่อยจากอ่างมาผลักดันน้ำเค็มมาตราการต่างๆทุกสำนักงานชลประทานในทุกลุ่มน้ำต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และประสานงบกับอบต.เพื่อขอใช้งบสูบน้ำเมื่อจำเป็นต้องนำน้ำมาเพิ่มในคลองส่งน้ำ เพื่อให้อัตราการไหลของแม่น้ำสายหลักคงที่ในการักษาระบบนิเวศน์และผลักดันน้ำเค็ม"นายสุเทพ กล่าว
รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่าสำหรับลุ่มแม่กลอง ใช้ปริมาณน้ำประมาณ 3 พันล้านลบม.มาเสริมในการเพาะปลูกพืชไร่พืชผักได้ 4 แสนไร่ และระบายเลี้ยงระบบเพื่อไม่กระทบพื้นที่เลี้ยงหอยเลี้ยงปลาบริเวณปากแม่น้ำ ส่วนพื้นที่ชลประทานเขื่อนแม่กวงน้ำ จ.เชียงใหม่ ต้องงดปลูกข้าวนาปรังโดยเด็ดขาด กันน้ำไปใช้บริโภค อุปโภค เดือนละ 1 ล้านจะเหลือน้ำในเขื่อน แค่ 8ล้านลบม. ทั้งนี้ผู้ว่าการปะปาฝ่ายผลิต เป็นห่วงเรื่องมีน้ำกินน้ำใช้จะพอหรือไม่ ซึ่งยืนยันว่าไม่ขาดแคลน แต่ในพื้นที่ภาคเหนือ อาจมีปัญหามวลชนในเรื่องการงดส่งน้ำเพื่อการเกษตร
นายสุเทพ กล่าวต่อว่าในสัปดาห์คาดว่างบจ้างแรงงานเกษตรกร นำไปใช้ในพื้นที่ได้ สำนักงานชลประทานในพื้นที่งดปลูกข้าวนาปรังทั่วประเทศ จะประกาศรับสมัครเกษตรกร เข้าจ้างงานซ่อมแซม รายได้วันละ 300 บาทในโครงการชลประทาน ซึ่งจะขยายการจ้างงานจากวันที่ 1 พ.ย.ปีนี้จนถึงเดือนเม.ย.ปีหน้า โดยในพื้นที่ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา 22 จังหวัด จะเป็นจังหวัดนำร่องจ้างชาวนาได้ก่อน ส่วนลุ่มน้ำแม่กลอง 4 จังหวัด จะเริ่มจ้างงาน 1 ธ.ค. โดยมีเกษตรกรขึ้นทะเบียนทั้งหมด 1.2 ล้านครัวเรือน. ทั้งนี้จะคัดเลือกเกษตรกรที่อยู่ในโครงการจัดสรรน้ำของแต่ละลุ่มน้ำมาจ้างแรงงานก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี