โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ระเบิดเวลาลูกใหม่
ที่ต้องเอาความจริงมาให้คนในพื้นที่รับรู้ก่อนสร้าง
“ไฟใต้” ยามนี้ผู้เขียนตั้งใจว่าวันนี้จะงดเขียนถึงสถานการณ์ในความรุนแรงหรือความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้หนึ่งงวด เพื่อที่จะตรวจสอบสัญญาณ “บางอย่าง” ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้วันนี้จึงหยิบจับเอาเรื่องที่อาจจะเป็น “ไฟใต้” ในอีกรูปแบบหนึ่งใน 4 อำเภอ ของจังหวัดสงขลา ซึ่งก็มี “สัญญาณ” บางอย่างที่ทำให้มองเช่นนั้นได้
นั่นคือการที่รัฐบาลชุดนี้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ “กฟผ.” กำลังที่จะ “ผลักดัน” ให้เกิดโครงการไฟฟ้าถ่านหินเทพา หรือที่จะเรียกให้โก้ๆ ว่า “โรงไฟฟ้าเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด” ซึ่งมีการกำหนดพื้นที่ไว้แล้วว่าจะมีการก่อสร้างที่ อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา
ซึ่งเป็นโครงการที่มีด้วยกัน 2 ส่วน คือ ส่วนของท่าเทียบเรือสำหรับการขนส่งถ่านหินและอื่นๆ กับส่วนของโรงงานผลิตไฟฟ้าซึ่งมีจำนวน 2 โรงด้วยกัน ส่วนแต่ละโรงจะมีกำลังการผลิตเท่าไหร่ ผู้เขียนไม่เขียนถึงเพราะเห็นเหล่านักวิชาการหลายรายให้รายละเอียดมามากแล้ว
และในวันที่ 2 พฤศจิกายนนี้ บริษัทคอนซัลแทนท์ ออฟ เทคโนโลยี จำกัด จะเปิดเวที ค.1 เพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ ทั้งในเรื่องของท่าเทียบเรือและของโรงไฟฟ้า
ข้อที่เป็นห่วงคือประชาชนผู้ที่ถูกกำหนดว่าเป็นผู้มี “ส่วนได้ ส่วนเสีย” ในพื้นที่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของโรงไฟฟ้าถ่านหิน หรือ “โรงไฟฟ้าเทคโนโลยีถ่านหินสะอาดแค่ไหน” แม้ว่าก่อนหน้านี้ กฟผ. จะได้นำ “มวลชน” จำนวนหนึ่งไปดูงานเรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ประเทศมาเลเซียและอื่นๆ มาบ้างแล้ว ก็จริงแต่จากการ“พูดคุย” กับผู้ที่ไปดูงานรวมทั้ง “สื่อ” บางกลุ่ม ซึ่งเป็น “สื่อโชว์”พบว่า เป็นการ “ไปเที่ยว” มากกว่าการไปรับ “ความรู้” ในเรื่องของโรงไฟฟ้าถ่านหิน
ข้อเป็นห่วงข้อที่สองคือ ทุกโครงการที่เป็นเรื่องของ “พลังงาน”ไม่ว่าเป็นเรื่องของ “ไฟฟ้า” เรื่องของ “ก๊าซ” และ “น้ำมัน” ในประเทศนี้ จะมี “ความจริง” เกิดขึ้น 2 ชุด เสมอมา นั่นคือ ชุดความจริงจากเจ้าของโครงการ คือ กฟผ. หรือกรมพลังงาน หรือฝ่ายของรัฐบาล ซึ่งมักถูกกล่าวหาว่าเป็นชุดความจริงที่ “เท็จ” คือถูก “บิดเบือน” เพื่อประโยชน์ของเจ้าของโครงการกับชุดความจริงของผู้ “ต่อต้าน” นั่นคือกลุ่มขององค์กรพัฒนาเอกชน หรือ “เอ็นจีโอ”รวมถึงบรรดานักวิชาการที่มีความรู้ในเรื่องของพลังงานที่มีความ “เห็นต่าง” ซึ่งชุดความจริงของคนเหล่านี้ จะ “เห็นต่าง” โดยสิ้นเชิงจากชุดความจริงของเจ้าของโครงการและรัฐบาล
ที่ผ่านมาเมื่อมีความ “ขัดแย้ง” และมีความ “เห็นต่าง” เกิดขึ้นในเรื่องของ “พลังงาน” จึงไม่เคยเห็นความจริง “ชุดที่สาม” เกิดขึ้นเพื่อเป็น “ทางเลือก” หรือเป็น “ทางออก” ให้ประชาชนสามารถที่ตัดสินใจได้ว่าเป็น “ข้อมูล” ที่ไม่ใช่มาจาก “คู่ขัดแย้ง” ในเรื่องดังกล่าว
การเกิดขึ้นของโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ อ.เทพา จ.สงขลา ย่อมไม่ราบรื่นและคงเป็นเช่นเดียวกับโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินที่อื่นๆหรือท่าเทียบเรือขนถ่านถ่านหินที่ จ.กระบี่ ที่มีผู้ “เห็นด้วย” และ “เห็นต่าง” ที่ปรากฏเป็นข่าวเป็นระยะๆ เกิดขึ้นให้เห็นมาโดยตลอด
แต่โรงไฟฟ้าถ่านหินที่ อ.เทพา นั้น พลังการต่อต้านจะมากกว่าที่อื่นๆ เพราะในอดีต ประชาชนในพื้นที่เหล่านี้เคยต่อต้านโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย หรือที่วันนี้เรียกกันสั้นๆ ว่า “ทีทีเอ็ม” มาแล้วถึงขนาดการใช้ “มอตโต” ว่า “มึงสร้างกูเผา” รวมทั้งการต่อต้านโรงไฟฟ้าจะนะมาแล้ว แม้ว่าสุดท้ายพลังของประชาชนผู้ “เห็นต่าง”จะต้อง “พ่ายแพ้” แต่ประชาชนก็สามารถสรุป “บทเรียน” ที่เกิดขึ้นได้อย่างดี
“มีโรงแยกก๊าซแล้วได้อะไร มีโรงไฟฟ้าแล้วได้อะไร คนในพื้นที่ได้อะไร มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจริงไหม ทำไมไฟฟ้าดับทั้ง 14 จังหวัด เมื่อปีก่อนพื้นที่ซึ่งมีโรงไฟฟ้าตั้งอยู่ ไฟจึงดับด้วย ทำไมคนพื้นที่กับท่อก๊าซ จึงต้องใช้ก๊าซราคาเดียวกับคนภาคอื่นๆ เหล่านี้คือคำถามที่บางครั้งคนในพื้นที่สามารถมี “คำตอบ” ให้กับคนในพื้นที่ใกล้เคียงให้ได้รับรู้รับทราบ
แน่นอนว่าทุกคนรับรู้เรื่องความมั่นคงของ “พลังงาน” และภาคใต้ก็ถูกอ้างว่าไม่มีความมั่นคงทางพลังงานที่จำเป็นต้องสร้างพลังงานให้เพียงพอ เหมือนกับที่ “บิ๊กบ๊อส” พลังงานอย่าง ปิยะสวัสดิ์ อมรวิวัฒน์ กล่าวว่า จำเป็นที่จะเปิดสัมปทานพลังครั้งใหม่ 29 แปลง(อย่างตาลีตาเหลือก) ว่าเกรงพม่าจะหยุดการจ่ายก๊าซให้
เพียงแต่พลังงานที่จะเกิดขึ้น ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชน ทั้งในพื้นที่ และนอกพื้นที่ และต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นการมี “ส่วนร่วม” แบบ “หลอกๆ” และ รู้บ้างไม่รู้บ้างหรือการ “แยกส่วน” คนในพื้นที่ด้วย วิธีการต่างๆ ซึ่งอาจหมายถึง “ผลประโยชน์” ที่ แอบแฝง ในรูปแบบ ต่างๆ
ผู้เขียนเชื่อว่า คนไทยทุกคน ไม่มี “ขัดขวาง” ในเรื่องของความจำเป็นของ “พลังงาน” เพราะรู้ว่าความ “มั่นคง” ทางพลังงานเป็นความจำเป็น ทั้งใน วันนี้ และใน วันหน้า โดยเฉพาะกับพื้นที่ของภาคใต้ ที่จะต้องมีความ “เสถียร” ของพลังงาน แต่พลังงานที่จะนำมาใช้ ที่จะก่อสร้างในพื้นที่ ต้องมีความ แน่นอน และ ชัดเจน ว่า ไม่เป็นพลังงานที่ มีการ “แพร่พิษ” ให้กับประชาชนในภายหลัง
เช่นเดียวกับ โรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ที่ กฟผ. จะต้องใช้ข้อเท็จจริงทั้งหมดกับประชาชนอย่างครบถ้วน และจะต้องตอบคำถามในข้อ “ขัดแย้ง” ที่ “เห็นต่าง” ทั้งด้านวิชาการ และความคิด ของกลุ่มผู้ต่อต้าน ไม่ว่าจะเป็น “เอ็นจีโอ” หรือนักวิชาการและประชาชนผู้ที่ “เห็นต่าง” ในเรื่องของ “ข้อมูล” ให้กระจ่างชัด
ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ทำ ค.1 หรือ รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ ก็มีกลุ่มผู้ “เห็นต่าง”เปิดเวที ค.0 เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากภาคเอกชนเกิดขึ้นแล้ว ซึ่งทำให้มองเห็นถึงการ“ขับเคลื่อน” ของขบวนการการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ว่าจะมีปัญหาต่างๆ ติดตามมาอย่างแน่นอน
โดยเฉพาะ อ.เทพา คือ 1 ใน 4 อำเภอ ที่มีปัญหาความมั่นคง ที่แม้ว่าการก่อเหตุ “รายวัน” จะไม่รุนแรง เช่น จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส แต่ใน 4 อำเภอ นั้น ถือว่า อ.เทพา และ อ.สะบ้าย้อย ซึ่งมีพื้นที่ติดกัน เป็นพื้นที่ซึ่ง “มวลชน” ของฝ่ายขบวนการมีความ “เข้มแข็ง”และเป็นพื้นที่ “หลบซ่อน” ของขบวนการ ก่อนที่จะไปก่อเหตุและหลังก่อเหตุ ในสามจังหวัดข้างต้น ซึ่งเมื่อเกิดความ “ขัดแย้ง” ขึ้นในการต่อต้านโครงการท่าเทียบเรือและโรงไฟฟ้าถ่านหิน อาจจะเป็น “โอกาส”ของขบวนการในการขยายพื้นที่ “ไฟใต้” ให้เกิดความรุนแรงขึ้น
และจากข้อสังเกตที่ผ่านๆ มา ทั้งเกี่ยวกับการต่อต้านโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย หรือทีทีเอ็ม ก็ดี โรงไฟฟ้าจะนะก็ดี หรือโครงการที่เกี่ยวกับพลังงานในพื้นที่อื่นๆ ที่เกิดขึ้นคือ จะไม่เห็น “บทบาท” ของนักการเมืองไม่ว่าจะเป็นระดับท้องถิ่นหรือระดับชาติ ในพื้นที่แสดงความคิดเห็นที่ชัดเจน หรือการยืนเคียงข้างกับความถูกต้อง แต่จะเห็นบทบาทของผู้ที่ต้องการที่จะเป็นผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่และผู้ที่ต้องการเป็นนักการเมืองในอนาคตที่เข้ามายืนอยู่กับประชาชนที่เป็นกลุ่มไม่เห็นด้วย จนสุดท้ายกลายเป็นความ “ขัดแย้ง” ที่ขยายตัวจากเรื่องของ “พลังงาน” จนกลายเป็นความ “แตกแยก” ของชุมชนในเรื่องของ “การเมือง” ไปโดยปริยาย
ทำอย่างไรที่ผู้นำชุมชน ผู้นำท้องที่ ผู้นำต้องถิ่น และนักการเมืองจะสามารถเป็น “เสาหลัก” ในการยืนอยู่บนความถูกต้อง เป็นผลประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนอย่างแท้จริง ทำอย่างไรที่จะมีข้อมูล ที่เป็นข้อมูล ข้อเท็จจริง ที่ถูกต้อง ซึ่งไม่ใช่เป็นของเจ้าของโครงการและผู้ที่ “เห็นต่าง” เพื่อป้องกันความแตกแยกของสังคม ของคนในพื้นที่ เพราะเชื่ออย่างแน่นอนว่า โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จะเป็นอีกความ “แตกแยก” หนึ่ง ที่จะต้องเกิดขึ้นในพื้นที่ จ.สงขลา และครั้งนี้จะรุนแรงกว่าที่เคยเกิดขึ้น ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา
จึงหวังและอยากเห็นความ “จริงใจ” ของเจ้าของโครงการในการให้ความจริงกับคนในพื้นที่ อยากเห็นข้อมูลทั้ง 2 ด้าน ของกลุ่มผู้ต่อต้านที่เปิดให้กับประชาชน ได้ใช้เป็นการตัดสินใจว่า จะเอาหรือไม่เอาสิ่งที่ถูก “หยิบยื่น” มาให้โดยไม่ได้ “ร้องขอ”
เพราะถ้าโรงไฟฟ้าถ่านหิน คือ “มฤตยู” คนสงขลาทั้งจังหวัดต้องบอกว่า “ไม่เอา” แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์กับคนสงขลาและประเทศชาติจริง ใครที่ออกมา “ต่อต้าน” โครงการนี้ก็ต้องถูก “ลงโทษ” ในฐานะที่ขัดขวางความเจริญของประเทศชาติ
และสุดท้าย หวังว่า การ “เห็นด้วย” และ “เห็นต่าง” ของผู้คนในพื้นที่และต่างพื้นที่ในเรื่องของโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา คงจะเป็นไปโดย “สันติ” คงจะไม่มีป้าย “มึงสร้างกูเผา” ให้เห็นเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นที่ “ลานหอยเสียบ” เป็นคำรบสอง
ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี