สหกรณ์ลุยแก้ปัญหาราคายาง เชื่อเพิ่มขึ้นถึง60บาทต่อกก.
วันพฤหัสบดี ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557, 16.34 น.
Tag :
30 ต.ค. 57 นายโอภาส กลั่นบุศย์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการอก้ไขปัญหาราคายางพาราว่าีงจากที่รัฐบาลมีมติในการในการอนุมัติงบประมานเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่อใช้เป็นเงินทึนหมุนเวียนให้สถาบันเกษตรกรณะสหกรณ์ในการรับซื้อยางพาราและปรับปรุงโรงงานแปรรูปยางพาราเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและผลักดันให้ราคายางขยับตัวสูงขึ้นว่าล่าสุดขณะนี้มีสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร ยื่นขอกู้ จำนวน 521 แห่ง วงเงิน 5,078.15 ล้านบาท ซึ่งมีสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร ได้รับอนุมัติวงเงินกู้ยืมจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) แล้วจำนวน 69 แห่ง วงเงิน 959.10 ล้านบาท และมีสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกรได้เบิกเงินกู้ไปแล้ว 52 แห่ง ใช้เงินทุนหมุนเวียน 376.37 ล้านบาท
ทั้งนี้เบื้องต้นสำหรับสหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านเขาซก จำกัด ซึ่งเป็นสหกรณ์ในโครงการนำร่องในการแก้ปัญหาราคายางพาราได้มีการกู้ยืมเงินเพื่อกำเนินการรับซื้อยางจากสมาชิกสหกรณ์ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งได้รับการอนุมัติวงเงิน 120 ล้านบาท และได้มีการดำเนินการรับซื้อยาวจากเกษตรกร และมีการกู้ยืมเงินในส่วนที่มีการกู้ยืมเงินใช้ปรับปรุงโรงงานแปรรูปยางพาราอีก 31 ล้านบาท ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติ จาก ธกส.จากมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้ราคายางขยัยตัวสูงขึ้นเป็นกก.ละ50-55บาท และมีแนวโน้มว่าราคายางจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากสหกรณ์เกิดความมั่นใจในการดำเนินธุรกิจดังกล่าว เพราะรัฐบาลได้ให้การสนับสนุนโครงการ ทำให้สหกรณ์และสมาชิกเกิดความเชื่อมั่น คาดว่าราคายางจะปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตามรัฐบาลตั้งราคานำซื้อยางแผ่นไม่เกิน 60 บาท ซึ่งสหกรณ์เขาชกแห่งเดียวสามารถรับซื้อยางจากสมาชิกได้ประมาณวันละกว่า100ตัน
นอกจากนั้นยัลมีการอนุมัติวงเงินให้สถาบันเกษตรกรและให้สหกรณ์สามารถกูเงินปลอดดอกเบี้ยโดยมีวงเงิน 5,000 ล้านบาท เพื่อขยายปรับปรุงโรงงานยาง มีสหกรณ์ขอกู้ 200 แห่ง ใช้วงเงิน 4,400 ล้านบาท ผลจากการดำเนินงานช่วยให้สมาชิกได้จากโครงการคือ เสริมสภาพคล่องสามารถซื้อยางจากสมาชิสหกรณ์เพื่อเสริมสภาพคล่อง ทำให้เกิดความเชื่อมั่นกับสมาชิก เพื่อเพิ่มปริมาณธุรกิจต้องเพิ่มความเชื่อมั่นให้สมาชิก ทั้งนี้ระบบสหกรณ์เป็นการระดมทุน ในการช่วยเหลือสิกสกรณ์โดยมาตรการในการที่ทางรัฐบาลช่วยเหลือในการปล่อยเงินดอกเบี้ยต่ำเพื่อรับซื้อแทรกแซงในครั้งนี้ถือว่าเป็นในการแก้ปัญหาการกดราคารับซื้อยางพาราจากพ่อค้าคนกลางและส่งผลให้ราคาเริ่มขยับตัวสูงขึ้นถึงกิโลกรัมละ55บาทโดยขณะนี้สามารถรับซือยางจากเกษตรกรแล้วกว่า7 หมื่นตันเป็ยมูลค่ากว่า2,865ล้านบาท