เดินหน้า4โครงการเพิ่มเติมช่วยเหลือยาง
เน้นรักษาเสถียรภาพ-ชดเชย-สนับสนุนรายได้เกษตรกร
ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ยังคงเป็นปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในฐานะหน่วยงานหลักที่ดูและเรื่องนี้โดยตรง จึงจำเป็นต้องเร่งหามาตรการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนดังกล่าว
นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า สศก. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ ได้เสนอมาตรการช่วยเหลือเรื่องยางพารา เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา อีก 4 โครงการเพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพราคายางในตลาดไม่ให้เกิดความผันผวนจนเกินไป เกื้อกูลให้สถาบันเกษตรกรมีตลาดสำหรับระบายยาง เกิดการหมุนเวียนการผลิตและการรับซื้อยางดิบจากเกษตรกรนำมาแปรรูป รวมทั้งชดเชยรายได้เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าให้แก่เกษตรกร และสนับสนุนเงินทุนในการประกอบอาชีพเสริม เพื่อเสริมสภาพคล่อง ประกอบด้วย
1.โครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง โดยองค์การสวนยาง (อ.ส.ย.) จะใช้เงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงิน 6,000 ล้านบาท เพื่อรับซื้อยางแผ่นรมควัน ยางแผ่นรมควันอัดก้อน และยางแท่ง STR20 จากสถาบันเกษตรกร และตลาดกลางยางพารา ทั้งตลาดซื้อขายจริง และตลาดข้อตกลงส่งมอบจริง นำมาบริหารจัดการเป็นลักษณะสต๊อกหมุนเวียน เพื่อใช้เป็นมูลภัณฑ์กันชนสำหรับลดความผันของราคายางในตลาด โดยคณะกรรมการบริหารกิจการของ อ.ส.ย. แต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาหลักเกณฑ์ เงื่อนไข ข้อปฏิบัติการซื้อขาย และการบริหารจัดการโครงการ โดยจะเข้ารับซื้อเมื่อราคายางในตลาดอยู่ในระดับต่ำกว่าราคาที่กำหนด และเสนอขายตามความเห็นชอบของคณะทำงาน ระยะเวลาดำเนินการ 18 เดือน (พฤศจิกายน 2557 – เมษายน 2559) โดยคาดหวังว่าโครงการนี้จะสามารถรักษาเสถียรภาพราคายางในตลาดไม่ให้เกิดความผันผวนมากจนเกินไป เกื้อกูลให้สถาบันเกษตรกรมีตลาดสำหรับระบายยาง เกิดการหมุนเวียนการผลิตและการรับซื้อยางดิบจากเกษตรกรนำมาแปรรูปต่อไป
2.โครงการชดเชยรายได้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ใช้สินเชื่อจาก ธ.ก.ส. 8,200 ล้านบาท สำหรับจ่ายชดเชยรายได้ให้แก่เกษตรกรซึ่งมีพื้นที่สวนยางเปิดกรีดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีเอกสิทธิ์ รวมทั้งเอกสารสิทธิ 46 รายการตามหนังสือของกรมป่าไม้ ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 15 ไร่ เป้าหมาย 850,000 ครัวเรือน พื้นที่สวนยางเปิดกรีดที่อยู่ในข่ายจะได้รับความช่วยเหลือประมาณ 8.2 ล้านไร่ ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรจะกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของผู้เข้าร่วมโครงการ เสนอให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการระดับจังหวัด รับขึ้นทะเบียนเกษตรกร พร้อมตรวจสอบคุณสมบัติของเกษตรกร และคาดว่า ธ.ก.ส. จะสามารถเริ่มทยอยโอนเงินเข้าบัญชีให้กับเกษตรกรได้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2557 เป็นต้นไป
3.โครงการสนับสนุนสินเชื่อเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยเพื่อประกอบอาชีพเสริม โดยสนับสนุนสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. 10,000 ล้านบาท แก่เกษตรกรสวนยางรายย่อย เพื่อประกอบอาชีพเสริมด้านการเกษตร ครัวเรือนละไม่เกิน100,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี เป้าหมาย 100,000 ครัวเรือน ระยะเวลาการชำระเงินกู้ไม่เกิน 5 ปี (ปี 2558-2562) หากเกษตรกรไม่สามารถชำระเงินกู้ได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ ธ.ก.ส. ปรับเงื่อนไขการกู้เงินและการเรียกเก็บดอกเบี้ยได้ตามข้อบังคับและวิธีปฏิบัติของธนาคาร
4.โครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการยาง โดยสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรนจากธ.ก.ส.แก่ผู้ประกอบการแปรรูปน้ำยางข้น 10,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี โดยผู้ประกอบการแปรรูปน้ำยางข้นที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการ สามารถยื่นขอรับการสนับสนุนสินเชื่อผ่าน สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เบื้องต้นมีธนาคารพาณิชย์แจ้งความประสงค์ให้การสนับสนุนสินเชื่อ 6 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารทหารไทย และธนาคารธนชาติ โครงการนี้เป็นการเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการแปรรูปน้ำยางข้น ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการรับซื้อน้ำยางดิบโดยนำไปแปรรูปเป็นน้ำยางข้นสำหรับเก็บในสต๊อก หรือเพื่อการส่งออก เป็นการลดปริมาณยางในตลาด โดยเฉพาะในช่วงที่ผลผลิตยางออกสู่ตลาดจำนวนมากในเดือนพฤศจิกายน 2557– กุมภาพันธ์ 2558 ซึ่งจะมีผลผลิตยางออกมามากถึงร้อยละ 37 ของปริมาณผลผลิตทั้งปี หรือประมาณ 1.5 ล้านตัน เมื่อลดปริมาณยางในตลาดลงจะส่งผลให้ราคายางในตลาดปรับตัวสูงขึ้นและมีเสถียรภาพมากขึ้น
เลขาธิการ สศก. กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้รัฐบาลได้มีการอนุมัติโครงการตามแนวทางพัฒนายางพาราทั้งระบบ ตามมติ คสช. ประกอบด้วย มาตรการเร่งด่วน คือ การสนับสนุนสินเชื่อแก่สถาบันเกษตรกร และผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยาง 3 โครงการ คือ 1.โครงการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อใช้ในการรวบรวมยาง โดยสนับสนุนสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. แก่สถาบันเกษตรกร และวิสาหกิจชุมชนที่ทำธุรกิจด้านยางพารา เพื่อรวบรวมหรือรับซื้อผลผลิตยางพาราจากเกษตรกร นำไปจำหน่ายหรือแปรรูปรอการจำหน่าย 10,000 ล้านบาท โดยสถาบันเกษตรกร/วิสาหกิจชุมชนที่เข้าร่วมโครงการ รับภาระดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี ระยะเวลาดำเนินโครงการ 1 ปี ตั้งแต่ กันยายน 2557 –ธันวาคม 2558
2.โครงการสนับสนุนสินเชื่อสถาบันเกษตรกรแปรรูปยางพารา โดยสนับสนุนสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. ให้แก่สถาบันเกษตรกร 245 แห่ง ขยายกำลังการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการแปรรูปยางเบื้องต้น โดยใช้ประโยชน์จากโรงงานที่จัดสร้างไว้แล้วหรือลงทุนสร้างโรงงานใหม่ 5,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็นสินเชื่อเพื่อการลงทุน 3,500 ล้านบาท และสินเชื่อ
เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการซื้อยางเข้าแปรรูป 1,500 ล้านบาท
3.โครงการสนับสนุนสินเชื่อผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ยาง โดยสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรนจากธนาคารออมสินแก่ผู้ประกอบการ แปรรูปผลิตภัณฑ์ยาง เพื่อขยายกำลังการผลิต/ปรับเปลี่ยนเครื่องจักรการผลิต ประเภทผลิตภัณฑ์ เช่น ยางล้อ ถุงมือยาง และ ยางยืด 15,000 ล้านบาท
โครงการด้านยางพาราทั้ง 7 โครงการ จะส่งผลดีต่อเกษตรกรทั้งในแง่การแก้ปัญหาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้จากสวนยางเพียงอย่างเดียว ลดความผันผวนของราคายางและพยุงราคายางให้สูงขึ้น ด้วยการลดปริมาณยางในตลาด เพิ่มการใช้ยางในประเทศเพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดตั้งศูนย์บริหารการแก้ไขปัญหาสินค้ายางพาราอย่างเป็นระบบครบวงจร เพื่อเร่งรัดการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี