เวียดนามประกาศรับจดทะเบียน
เส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสานเป็นสินค้า‘GI’
ผ้าไหมไทย เป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ด้วยความมีเสน่ห์ สวยงาม เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร นอกจากจะเป็นสินค้าที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้ความสนใจจนเป็นสินค้ายอดนิยมแล้ว ล่าสุด ผู้ผลิตสินค้าชั้นนำระดับโลกยังให้ความสนใจ ติดต่อขอนำผ้าไหมไทยไปใช้เป็นสินค้าคู่แฝดจำหน่ายไปทั่วโลก การพัฒนาสินค้าคู่แฝดสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI Twinning เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การพัฒนาต่อยอดสินค้าผ้าไหมไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI (Geographical Indication) คือสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ เป็นมาตรการการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาแก่สินค้าที่มีชื่อเสียง คุณภาพ เอกลักษณ์ เกิดจากภูมิปัญญาท้องถิ่น และมีความเชื่อมโยงกับพื้นที่ผลิต ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยได้ประกาศเป็นกฎหมายและมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2546
นางวีณา พงศ์พัฒนานนท์ อธิบดีกรมหม่อนไหม กล่าวว่า ตามที่กรมหม่อนไหมร่วมกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา ดำเนินการยื่นคำขอขึ้นทะเบียนเส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสานเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) กับ สำนักงานทรัพย์สินทางปัญญาแห่งชาติเวียดนาม (NationalOffice of Intellectual Property of Vietnam : NOIP) ณ เมืองฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2556 นั้น ขณะนี้ทางเวียดนามได้รับจดทะเบียนเส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสานเป็นสินค้า GI แล้ว และได้ออกประกาศ จดทะเบียนเส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2557 ซึ่งนอกจากจะเป็นการปกป้องคุ้มครองภูมิปัญญาและเอกลักษณ์ของเส้นไหมไทยของไทยในเวทีสากล เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 แล้ว ยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และช่วยอนุรักษ์อาชีพและภูมิปัญญาด้านหม่อนไหมให้คงอยู่ต่อไป
ด้าน นางสุดารัตน์ วัชรคุปต์ เหล่าวิชยา รองอธิบดีกรมหม่อนไหม ในฐานะหัวหน้าคณะที่ได้เดินทางไปยื่นคำขอขึ้นทะเบียนเส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสานเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ณ ประเทศเวียดนาม เมื่อปี 2556 กล่าวเพิ่มเติมว่า การได้รับจดทะเบียนสินค้า GI ในครั้งนี้ นับเป็นความร่วมมือกันระหว่างอาเซียน ชนิดแรกที่ได้รับการจดทะเบียนสินค้า GI ตัวแรกในประเทศกลุ่มสมาชิกอาเซียน โดยเส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสานนั้น มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์ จากการสาวมือด้วยพวงสาวพื้นบ้าน ทำให้เส้นไหมที่ได้มีความนุ่มนวลและมีความยืดหยุ่น เมื่อนำมาทักทอเป็นผืนผ้าจะทิ้งตัวอย่างมีน้ำหนัก ภูมิปัญญาการสาวไหมเป็นกระบวนการผลิตเส้นไหมของผู้เลี้ยงไหม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม วิถีชีวิตที่สืบทอดกันมาภายในครอบครัว ซึ่งเป็นการเรียนรู้ด้วยการปฏิบัติจริง ซ้ำแล้วซ้ำอีกจนเกิดความชำนาญ เป็นการเรียนรู้ในครอบครัว แล้วขยายไปในชุมชนนั้นๆ และนอกชุมชน โดยมีการปฏิบัติสืบทอดกันมาจากรุ่นหนึ่งสู่รุ่นหนึ่งเป็นเวลานาน และมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงวิธีการบางส่วน เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และสภาพแวดล้อมในแต่ละท้องถิ่น
อนึ่ง เส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในครั้งนี้แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. เส้นไหมหลืบ หรือเส้นไหมเปลือก หรือเส้นไหม 3 2.เส้นไหมสาวเลยหรือเส้นไหม 2 และ 3.เส้นไหมน้อย หรือเส้นไหม 1
นับว่าผ้าไหมไทยกำลังทยอยเข้าสู่ตลาดการค้าระดับนานาชาติมากขึ้น ทั่วโลกได้รู้จักมรดกภูมิปัญญาที่งดงามเป็นเอกลักษณ์อันทรงคุณค่าของไทยมากขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรในท้องถิ่นของไทยมีความเข้มแข็งและมีเศรษฐกิจความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามไปด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี