จากสถานการณ์ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2557/58 (ณ กันยายน 2557) พบว่า เนื้อที่ปลูกและผลผลิตลดลงจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากเกษตรกรปรับเปลี่ยนพื้นที่ไปปลูกพืชที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า อีกทั้งด้านราคายังปรับตัวลงจากต้นฤดูการเก็บเกี่ยวเดือนมิถุนายน เนื่องจากเป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก และฝนตกชุกส่งผลต่อคุณภาพให้เกิดสารอะฟลาทอกซินได้ง่าย
นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีเนื้อที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 7.40 ล้านไร่ ผลผลิต 5.01 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 676 กิโลกรัม ลดลงจากปี 2556/57 โดยมีสาเหตุมาจากราคาปรับตัวลดลงมากจากการลดความต้องการใช้ลงของผู้ใช้รายใหญ่รายหนึ่งในภาคอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ทำให้ภาครัฐต้องใช้มาตรการแทรกแซงตลาดเพื่อยกระดับราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
หากเปรียบเทียบเนื้อที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และปริมาณผลผลิต ในช่วง 6 ปี (2552/53-2557/58) เพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ยต่อปีร้อยละ 0.72 และร้อยละ 1.50 ตามลำดับ ตามความต้องการใช้ของภาคอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ภายในประเทศ ขณะที่ต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ยต่อปีร้อยละ 6.84 โดยเฉพาะค่าเช่าที่ดิน และค่าดูแลรักษา ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นในอัตราเฉลี่ยต่อปีร้อยละ 13.91 และร้อยละ 13.68 ตามลำดับ ซึ่งแนวโน้มความต้องการใช้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการขยายตัวของภาคปศุสัตว์ โดยในช่วงปี 2552/53- 2557/58 ความต้องการใช้เพิ่มขึ้นอัตราเฉลี่ยต่อปีร้อยละ 3.55 ในขณะที่ผลผลิตเพิ่มขึ้นอัตราเฉลี่ยต่อปี ร้อยละ 1.50 ทั้งนี้ ความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในภาคอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ปี 2557 คาดว่ามี 5.00 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 4.72 ล้านตันในปี 2556 ร้อยละ 5.93
สำหรับราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2557/58 ที่ออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2557 เป็นต้นมา ปรับตัวลดลงจากกิโลกรัมละ 7.54 บาทในเดือนมิถุนายน เหลือกิโลกรัมละ 7.35 บาทในเดือนพฤศจิกายน คิดเป็นร้อยละ 2.52 เนื่องจากเป็นช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ประกอบกับมีฝนตกชุกและต่อเนื่องทำให้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เกิดปัญหาด้านคุณภาพ (ความชื้นสูง) มีโอกาสเกิดอะฟลาทอกซินได้ง่าย ผู้ใช้ในภาคอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ไม่นิยมซื้อเก็บสต๊อกไว้ ทำให้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวมากในช่วงเดือนสิงหาคม - ธันวาคม มีราคาอ่อนตัวลงแต่ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าต้นทุนการผลิต จึงขอให้เกษตรกรระมัดระวังเรื่องคุณภาพและการใช้เครื่องจักรเก็บเกี่ยว เพราะหากเมล็ดมีความชื้นสูงจะทำให้แตกหักง่ายและโอกาสเกิดอะฟลาทอกซินง่ายยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยในช่วงปี 2552-2557 มีแนวโน้มสูงขึ้นในอัตราเฉลี่ยต่อปี ร้อยละ 4 โดยเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 5.38 บาท ในปี 2552 เป็นกิโลกรัมละ 7.08 บาทในปี 2557 (มกราคม – พฤศจิกายน)
ด้านการนำเข้าและส่งออกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของไทย โดยเฉลี่ยปีละประมาณ 0.20-0.30 ล้านตัน ซึ่งเป็นบริหารสต๊อกภายในประเทศเพื่อมิให้กระทบกับราคาภายในประเทศ สำหรับปีที่มีการส่งออกในปริมาณมาก เช่น การส่งออกปี 2552 ปริมาณ 0.842 ล้านตัน เป็นผลจากการระบายผลผลิตที่รับจำนำไว้ของรัฐบาลในปีการผลิต 2551/52 และการส่งออกในปี 2557 ปริมาณ 0.561
ล้านตัน เป็นผลจากการใช้มาตรการผลักดันการส่งออกตามมาตรการแทรกแซงตลาดของรัฐบาล เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญของการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ คือ ผลผลิตประมาณร้อยละ 85 ของผลผลิตทั้งหมด ออกสู่ตลาดกระจุกตัวในช่วงเดือนสิงหาคม-ธันวาคม และเนื้อที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กว่าร้อยละ 50 ปลูกในพื้นที่ไม่เหมาะสมและพื้นที่เขตป่าไม้ ซึ่งผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กว่าร้อยละ 90 ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์ภายในประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี