ศธ.เดินหน้านำร่องกระจายอำนาจการศึกษา
20 เขตพื้นที่บริหารทั้งงบฯ บุคลากร เอง
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า ศธ.เตรียมทำโครงการนำร่องการกระจายอำนาจสู่เขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา ภายใต้ชื่อโครงการ “โครงการปฏิรูปสู่การปฏิบัติ” มีเป้าหมายเพื่อให้เขตพื้นที่การศึกษาที่เข้าโครงการได้ทดลองบริหารจัดการด้านต่างๆ ด้วยตัวเอง ทั้งการบริหารงบประมาณ การบริหารบุคลากร และการบริหารวิชาการ โดยคาดหวังว่า เมื่อเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา มีอำนาจบริหารจัดการได้โดยอิสระมากขึ้นแล้ว จะสามารถจัดการกับปัญหา อุปสรรคของการจัดการศึกษาในพื้นที่ได้ เพื่อให้คุณภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนในพื้นที่ดีขึ้น
รมว.ศธ.กล่าวว่า ที่ผ่านมา มักพูดกันว่า โรงเรียนและเขตพื้นที่ไม่สามารถตัดสินใจดำเนินการอะไรได้ด้วยตัวเอง ขาดอิสระ เพราะอำนาจการบริหารจัดการต่างๆ ยังคงอยู่ที่ส่วนกลาง ทั้งๆ ที่กฎหมายกำหนดให้โรงเรียนมีสถานะเป็นนิติบุคคล แต่ที่ผ่านมาการบริหารจัดการด้วยตนเองของโรงเรียนก็ไม่เคยเกิดขึ้นจริง เมื่อเขตพื้นที่การศึกษาหรือสถานศึกษา จะดำเนินการเรื่องใดๆ จะต้องเสนอขอความเห็นชอบจากส่วนกลางก่อน ซึ่งมีขั้นตอนที่ยุ่งยากและเสียเวลาเป็นเดือน การแก้ปัญหาการจัดการเรียนการสอนในพื้นที่จึงไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลกระทบถึงคุณภาพการจัดการเรียนการสอนและตัวผู้เรียน เพราะฉะนั้น จึงมีการหารือกันว่า จะมีการทำโครงการนำร่องการกระจายอำนาจสู่เขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาโดยตรง คัดเลือกสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 20 แห่งจากทุกภูมิภาค และโรงเรียนจำนวน 300 แห่ง ในเขตพื้นที่การศึกษาทั้ง 20 เขตนี้มาร่วมโครงการ
พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวต่อว่า เขตพื้นที่การศึกษาทั้ง 20 แห่งนี้ จะเป็นผู้คัดเลือกโรงเรียนเข้าร่วมโครงการเอง โดยเลือกโรงเรียนที่ยังมีผลการจัดการเรียนการสอนระดับต่ำเขตละ 15 โรงเข้าร่วมโครงการ ในเขตพื้นที่การศึกษาทั้ง 20 แห่งนี้ จะได้รับงบประมาณเป็นก้อน มีสถานะเป็นซีอีโอในพื้นที่รับมอบอำนาจจากส่วนกลางไปบริหารจัดการเองทั้งในเรื่องงบประมาณ หลักสูตรการเรียนการสอน รวมถึงการจัดหาบุคลากร โดยจะเริ่มดำเนินการโครงการดังกล่าวในวันที่ 1 ม.ค. 2558 เป็นต้นไป ต่อจากนั้นจะมีการประเมินทุก 3 เดือนว่า หลังจากที่ ศธ. ได้มอบอำนาจให้โรงเรียนและเขตพื้นที่บริหารจัดการกันเองนั้น มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในทิศทางที่ดีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งหากกลุ่มโรงเรียนที่นำร่องเหล่านี้ประสบความสำเร็จก็จะขยายการกระจายอำนาจดังกล่าวครอบคลุมทั่วประเทศ ทั้งนี้ โครงการนำร่องกระจายอำนาจนี้ ตอบโจทย์การพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนของโรงเรียนในพื้นที่ เพราะคาดหวังว่า เมื่อเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษามีอิสระในการบริหารจัดการมากขึ้นแล้ว จะสามารถบริหารจัดการงานในพื้นที่ได้ตรงตามความต้องการและตอบสนองต่อปัญหาที่เกิดในพื้นที่ได้มากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี