'ณรงค์'ชงสทศ.ลดวิชาสอบโอเน็ต แนะดันเรื่องหารือบอร์ดให้ได้ข้อยุติ
วันพฤหัสบดี ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557, 17.41 น.
Tag :
20 พ.ย. 57 ที่สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) (องค์การมหาชน) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) พร้อมด้วย ศ.ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร รมช.ศธ. ได้ร่วมตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายกับคณะกรรมการบริหารท สทศ.
โดยพล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับประเด็นที่จะให้มีการลดจำนวนข้อสอบแบบทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติขั้นพื้นฐาน หรือ โอเน็ต ซึ่งปัจจุบันสทศ. จัดสอบ 8 กลุ่มสาระวิชา มีแนวคิดลดเหลือแค่ 4 วิชาหลัก ได้แก่ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ส่วนวิชาที่เหลือ ได้แก่ สังคมศึกษาศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สุขศึกษาและพละศึกษา การงานอาชีพและเทคโนโลยี และวิชาศิลปะ นั้น ให้สถานศึกษาเป็นผู้จัดสอบเอง ทั้งนี้ แนวคิดดังกล่าวยังไม่ได้เป็นข้อยุติ เพราะฉะนั้นตนจึงมอบการบ้านให้สทศ. นำเรื่องนี้เข้าหารือในบอร์ดสทศ. ให้ได้ข้อยุติ จากนั้นให้นำกลับมาหารือกับกระทรวงศึกษาธิการ อีกครั้ง
"ความเห็นของที่ประชุมในเรื่องนี้มีหลากหลาย ผมถึงมอบการบ้านให้สทศ. นำเข้าหารือในบอร์ด สทศ. ให้ได้ข้อยุติ อย่างไรก็ตาม ความเห็นส่วนหนึ่งเห็นว่าควรนำวิชาสังคมศึกษาศึกษาฯ อยู่ในการสอบโอเน็ตตามเดิม เพราะว่าบางสาระอย่างเช่น เศรษฐศาสตร์ หรือหน้าที่พลเมือง เป็นความรู้ที่สามารถนำมาทดสอบโดยข้อสอบโอเน็ตได้ แต่อาจลดสัดส่วนน้ำหนักลงไป" รมว.ศธ. กล่าวและย้ำว่า การลดจำนวนข้อสอบโอเน็ตนั้น ประเด็นหลักไม่ใช่เรื่องของการลดภาระการสอบให้นักเรียน แต่เพื่อปรับให้การสอบสามารถประเมินผลผู้เรียนได้อย่างแท้จริง วิชาสังคมศึกษา สุขศึกษา ศิลปะ ดนตรี นั้นขึ้นอยู่กับท้องถิ่นเป็นอย่างมาก สถานศึกษาอาจจัดการเรียนรู้แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับบริบทของท้องถิ่น ฉะนั้นถ้าใช้ข้อสอบจากส่วนกลางไปประเมินผล อาจสร้างความเหลื่อมล้ำได้ จึงสมควรให้สถานศึกษาจัดวัดผลในวิชาดังกล่าวเอง สถานศึกษาสามารถวามารถสร้างการวัดผลที่ตรงกับวิถีชีวิต และสามารถใช้การวัดผลในรูปแบบอื่นๆ นอกจากข้อสอบปรนัย มาใช้ในการวัดผลได้ด้วย จะส่งผลให้การวัดผลของสถานศึกษา ทำได้ดีกว่าข้อสอบจากส่วนกลาง
พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวต่อว่า กระทรวงศึกษาฯ กำลังทำโครงการนำร่องการกระจายอำนาจบริหารจัดการให้กับเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษา โดยจะคัดเลือกเขตพื้นที่การศึกษาจำนวน 20 แห่ง จากทั่วภูิมิภาค และคัดเลือกสถานศึกษา จำนวน 300 แห่ง จากเขตพื้นที่การศึกษาทั้ง20 แห่ง มาทดลองนำร่องการกระจาอำนาจในปีการศึกษา 2558 ซึ่งส่วนหนึ่งของการกระจายอำนาจนั้น มีการบริหารจัดการวิชาการด้วย สถานศึกษาสามารถพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาขึ้นมาใช้เอง เพราะฉะนั้นก็ควรจะทำต่อเนื่องไปถึงการวัดผลด้วย ถ้ายังใช้การวัดผลจากส่วนกลาง ก็จะไม่สอดคล้องกับหลักสูตรที่สถานศึกษาแต่ละแห่งพัฒนาขึ้นเอง
ด้าน ศ.ดร.กฤษณพงศ์ กล่าวว่า หากจะมีการปรับลดข้อสอบโอเน็ตลง และให้สถานศึกษาจัดสอบ 4 วิชาที่เหลือเองจริง ก็จะต้องมีการนำร่องในบางพื้นที่ก่อน ซึ่งสทศ. ก็คงจะเข้าไปช่วยสถานศึกษาจัดทำหลักเกณฑ์การวัดผล ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่าการวัดผลของแต่ละโรงเรียนจะมีความเหลื่อมล้ำ ไม่ได้รับการยอมรับนั้น ประเด็นนี้คงอยู่ที่ผู้ใช้คะแนน ว่าจะเลือกเอาส่วนไหนไปใช้ในสัดส่วนเท่าใด อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าเรื่องนี้ยังต้องไปคิดรายละเอียดรองรับอีกมาก ปัจจุบันเป็นการพูดคุยในเชิงหลักการเท่านั้น
รมช.ศธ. กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นเรื่องการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติระดับอุดมศึกษา หรือยูเน็ต ที่ก่อนหน้านี้มีกระแสคัดค้านจากมหาวิายาลัย จนทำให้สทศ. ต้องยกเลิกการประเมินไปนั้น อยากให้มองว่าเป็นการสร้างไม้บรรทัดวัดมาตรฐานของคนไทย สร้างระบบประเมินผลที่คนไทยมั้่นใจได้ เพราะที่ผ่านมาเรานำระบบต่างชาติมาใช้ตลอด อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้หารือว่าการประเมินผลผู้เรียนในระดับอุดมศึกษานั้น จะเป็นการประเมินโดยความสมัครใจ และวัดผลใน 3 วิชา คือ วิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และการคิดเคราะห์
ส่วนรศ.ดร.สัมพันธ์ พันธุ์พฤกษ์ ผอ.สทศ. กล่าวว่า ขอย้ำว่าการประเมินผลผู้เรียนระดับอุดมศึกษาในวิชา คือ วิชาภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และการคิดเคราะห์ นั้น ประเมินที่ไม่มีเงื่อนไข โดยเฉพาะไม่ใช่การประเมินที่เป็นเงื่อนไขในการจบการศึกษา หรือรับเข้าทำงาน แต่เป็นหน้าที่ที่สทศ. ต้องจัดการทดสอบนี้ขึ้น เพื่อให้ผู้เรียนที่สมัครใจเข้ารับการประเมิน ได้ประเมินสมรรถนะของตนเอง ซึ่งการประเมินตรงนี้จะช่วยในการพัฒนาคุณภาพบัญฑิต