เพิ่มพื้นที่สีเขียว กลางกรุงฯ
อุทาหรณ์ที่คนทั้งประเทศต้องคิด
“การสร้างป่าในเมืองกรุงฯ นับเป็นเรื่องยาก หากคนไม่ให้ความสำคัญ” ฟังครั้งแรกเหมือนกับคนพูด พูดเล่นๆ แต่หากหยุดคิดแล้วนำมามองให้ลึกลงไป คำกล่าวที่ว่านั้น มันเป็นสุดยอดของความเป็นไปได้จริงๆ
และคำพูดดังกล่าวนั้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นของกิจกรรมปลูกต้นไม้ “1,000 ต้น 1,000 ชื่อ” เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเขตภาษีเจริญ ด้วยความร่วมมือของสถาบันการศึกษาวัด ชุมชน หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน
ดร.กุลธิดา จันทร์เจริญ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเพื่อพัฒนาชุมชน (ศวพช.) มหาวิทยาลัยสยาม อธิบายถึงแนวคิดในการจัดกิจกรรม “1,000 ต้น 1,000 ชื่อ” ว่า ต้นไม้ 1 ต้น จะมี 1 คน ในชุมชนเป็นเจ้าของ
และผู้ให้การสนับสนุนโครงการนี้ คือ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) โดยการรวมพลังของชาวชุมชนในเขตภาษีเจริญนำต้นไม้ที่ได้รับมอบจากหน่วยงานต่างๆ ไปปลูกในพื้นที่ วัดจันทร์ประดิษฐารามแขวงบางด้วน และชุมชนราชมนตรี แขวงคลองขวาง
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ บอกว่า ตลอดเวลา 2 ปี ที่เราพยายามสร้างพื้นที่สุขภาวะให้เกิดขึ้นจนเห็นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนแล้ว จึงอยากให้มีการส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น โดยการปลูกต้นไม้ในวันนี้ทุกคนจะได้มีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของและช่วยกันดูแลต้นไม้ของตัวเอง เพราะโจทย์ของเราไม่ใช่แค่ว่าจะทำอย่างไรให้มีต้นไม้และพื้นที่สีเขียวเพิ่มมากขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงการปลูกฝังจิตสำนึกรักษ์ให้กับคนในชุมชนด้วย
ดร.กุลธิดา บอกให้ทราบว่า เราเคยมองว่ากรุงเทพมหานครจะมีความเจริญทางวัตถุมากขึ้น จนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่เอาเข้าจริงๆ ป่าไม้ก็สามารถเติบโตไปพร้อมๆ กับป่าคอนกรีตได้เช่นกัน ถึงแม้ความเจริญจะคืบคลานเข้ามา แต่การพัฒนาก็ยังต้องนึกถึงพื้นที่ที่จะทำให้เกิดปฏิสัมพันธ์ของคนด้วย นี่คือความสำคัญที่เราจะต้องเดินหน้าพื้นที่สุขภาวะต่อไป
“ภายหลังการดำเนินกิจกรรมต่างๆ เราติดตามผลโดย คณะทำงานเพิ่มพื้นที่สีเขียวระดับเขต และคณะทำงานปรับภูมิทัศน์ระดับเขตภาษีเจริญ เราหวังว่า 1,000 ต้น ในวันนี้จะเพิ่มจำนวนขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะนี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น ต้องมีการรณรงค์และกระตุ้นกันต่อไป เพื่อให้เกิดพื้นที่สีเขียวขึ้นจริงๆ” ผอ.ศวพช.ย้ำ
ทางด้าน นางนันทนา สาเกทอง อายุ 65 ปีชาวชุมชนวัดจันทร์ฯ เขต 3 ภาษีเจริญที่มาร่วมปลูกต้นไม้ บอกว่า วันนี้รู้สึกภูมิใจมากที่ได้ช่วยกันนำต้นไม้มาปลูกในวัดเพื่อจะได้เพิ่มความร่มรื่น และตั้งใจจะแวะเวียนมาดูแลรดน้ำต้นไม้บ่อยๆ เท่าที่จะทำได้ เพราะบ้านของป้าก็อยู่ในละแวกนี้นั่นเอง
“ที่บ้านป้าก็ปลูกพวกไม้ประดับ เพราะมีพื้นที่น้อย ส่วนใหญ่ปลูกในกระถาง แต่รอบๆ บ้านก็มีคนปลูกต้นไม้กันเยอะขึ้น ในชุมชนก็มีลานกิจกรรมให้ทุกคนได้ไปออกกำลังกาย มีการเต้นแอโรบิก ส่วนเด็กๆ ก็ไปตีแบดกันถึงความเจริญจะทำให้ประชากรเพิ่มขึ้นแต่ทางชุมชนก็มีกิจกรรมในการพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่อง เราก็ดีใจนะ ที่เห็นทุกคนมีความสามัคคีกัน ร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเต็มที่ เพื่อทำให้ชุมชนมีความน่าอยู่” ป้านันเล่าให้ฟังจนเห็นภาพถึงความน่าอยู่ในชุมชนนั้น
เช่นเดียวกับ น้องนุ๊ก หรือนางสาวรัญชปรัตม์จีนสมุทร์ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีการอาหาร มหาวิทยาลัยสยาม ที่เป็นอาสาสมัครมาร่วมปลูกต้นไม้ในครั้งนี้ด้วยจิตอาสา เพราะปกติเป็นคนที่ชอบปลูกต้นไม้ ทำสวนเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว เธอบอกว่า การปลูกต้นไม้เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในวัด ก็เหมือนเป็นการสร้างความร่มเย็นให้กับผู้คนที่แวะเวียนมาทำบุญ แถมยังได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์ เพราะส่วนตัวเกิดในเขตภาษีเจริญและเติบโตมาพร้อมกับต้นไม้ในพื้นที่ที่มากขึ้น รู้สึกดีใจที่มีโครงการต่างๆ ที่ให้ความสำคัญกับชุมชน
“การปลูกต้นไม้คนละต้น แม้หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับเรามันคือการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว ถ้าวันนี้ทุกคนเริ่มลงมือทำพร้อมกัน สิ่งเล็กๆ ก็จะกลายเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่”
คนกรุงเทพฯยังรัก ยังหวงต้นไม้ถึงขนาดนี้ แล้วคนที่อยู่ในจังหวัดต่างๆ ที่ตอนนี้ยังมีต้นไม้ให้เห็นมากมายจะยอมให้ต้นไม้เหล่านั้นหมดลง จนต้องมารณรงค์ปลูกกันใหม่อีกเหรอ ลองคิด และตระหนักกันเอาไว้ให้ดีๆ
ปานมณี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี