ยามนี้ ในพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ เข้าสู่ฤดูหนาวเต็มตัว อากาศโดยทั่วไปหนาวเย็น กลางวันไม่มีแสงแดด กลางคืนหนาวจัด หลายคนขาดแคลนเครื่องนุ่งห่มกันหนาว ต้องก่อไฟผิง เพื่อบรรเทาความหนาวเย็น
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกตามชนบทมักจะพบเห็นคนเฒ่า คนแก่และลูกหลาน นั่งล้อมรอบกองไฟ ผิงไฟ บริเวณหน้าบ้าน หรือไม่ก็ใต้ถุนบ้าน พร้อมปิ้งข้าวเหนียวทาเกลือ หรือ ข้าวจี่ ทานไปด้วยผิงไฟไปด้วย เป็นประจำในช่วงฤดูหนาว
ด้วยเหตุนี้ จึงมีพ่อค้า แม่ค้า สมองใส พลิกวิกฤติภัยหนาว เป็นโอกาส โดยนำภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ได้รับการบอกสอน ถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ด้วยการเอาข้าวเหนียวทาเกลือทำเป็นขนมเรียกว่า ขนมข้าวจี่ ยืนปิ้งขาย ตามตลาดในตัวเมืองอำนาจเจริญ เป็นประจำทุกปี สร้างรายได้เป็นอย่างดี
นางผดุงรัช ฤทธิทิศ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 354 หมู่ที่ 12 ชุมชนเทพมงคล เขตเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ แม่ค้าขายข้าวจี่ยอดนิยมช่วงหน้าหนาว บอกว่า ข้าวจี่ จะมีให้รับประทานเฉพาะฤดูหนาว ช่วงอากาศหนาวเย็นเท่านั้น เนื่องจาก ขนมข้าวจี่ จะต้องย่างหรือปิ้งที่เตาไฟตลอดเวลา จึงพบเห็นผู้ขายและผู้ชื้อ ยืนล้อมวงช่วยกันปิ้งข้าวจี่พลิกไปมา พร้อมพูดคุยกัน บางคนก็จะยืนกินไปด้วย เพื่อบรรเทาความหนาวเย็น โดยเฉพาะข้าวจี่ที่ จ.อำนาจเจริญ มี 2 แบบ คือ ข้าวจี่โบราณและข้าวจี่สมัยใหม่ ประยุกต์มาจากข้าวจี่โบราณ ซึ่งมีรสชาติไม่แตกต่างกันมากนัก จึงมีผู้คนหาซื้อข้าวจี่ทานแทนข้าวกันมาก ทำให้ร้านขายขนมประเภทต่างๆจะต้องทำข้าวจี่ขายควบคู่กันไปด้วย เพราะช่วงนี้ ข้าวจี่ มาแรงขายดีมาก
นางผดุงรัช ฤทธิทิศ อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 354 หมู่ที่ 12 ชุมชนเทพมงคล เขตเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ กำลังยืนปิ้งข้าวจี่ให้ลูกค้า บอกว่า สมัยเด็กๆ เมื่อถึงฤดูหนาว อากาศโดยทั่วไปหนาวเย็น พ่อ แม่ ก็จะก่อไฟผิงที่ใต้ถุนบ้าน ระหว่างนั่งผิงไฟ ก็จะมีการปั้นข้าวเหนียวลักษณะกลมๆเท่าไข่ไก่ หรือไม่ก็ใหญ่กว่าไข่ไก่ แล้วทาเกลือ นำมาปิ้งที่กองไฟ ปิ้งข้าวจี่พลิกไปมาจนมีสีเหลือง พ่อ แม่ ก็จะแบ่งให้กิน ด้วยรสชาติหอมมันเค็มนิดๆ กินจนอิ่มท้อง โดยไม่ต้องกินอาหารอะไรเลย จึงเป็นการเรียนรู้การทำข้าวจี่ ปิ้งข้าวจี่ มาตั้งแต่เด็ก
ต่อมา เมื่อแต่งงาน มีครอบครัว และพ่อ แม่ เสียชีวิตทั้งหมด จึงได้นำเอาความรู้จากการทำข้าวจี่ ปิ้งข้าวจี่ ทำไปจำหน่ายยังตลอดสดเทศบาลเมืองอำนาจเจริญ ในช่วงหน้าหนาวทุกปี โดยเฉพาะปีนี้(56) อากาศหยาวเย็นกว่าทุกปี ข้าวจี่โบราณ ขายดีมาก จากที่เคยทำขาย ใช้ข้าวเหนียว วันละ 10 กิโลกรัม เพราะมีผู้บริโภคเพิ่มขึ้น จึงต้องใช้ข้าวเหนียวเพิ่มเป็นวันละ 20 – 30 กิโลกรัม สร้างรายได้เป็นอย่างดี
สำหรับวิธีทำข้าวจี่ ไม่ได้ยุ่งยากอะไร เริ่มแรก ให้แช่(หม่า)ข้าวเหนียว จนได้ที่ แล้วนำไปนึ่งให้สุก ต่อมา นำข้าวเหนียวสุกมาปั้นเท่าฝ่ามือโรยด้วยเกลือ แล้วเอาไปวางที่เหล็กปิ้งบนเตาไฟ พลิกไปมา จนข้าวเหนียวออกสีเหลืองอมส้ม ก็สามารถรับประทานได้ จำหน่ายก้อนละ 15 บาท ซึ่งที่นี่จะแถมแจ่วให้ 1 ถุงเล็ก เพื่อจิ้มกับข้าวเหนียว เรียกว่า ข้าวจี่โบราณ ที่มีรสชาติอร่อยแซ่บถึงใจ นอกจากนี้ยังขายปิ้งเนื้อ ปิ้งตับไก่ ปิ้งหมู ควบคู่กันด้วย
สำหรับวิธีทำข้าวจี่สมัยใหม่ หรือ ข้าวจี่ประยุกต์ เริ่มแรก ให้เอาข้าวเหนียวที่นึ่งจนสุกแล้ว ไปคลุกเคล้ากับกะทิมะพร้าว เรียกว่า ข้าวเหนียวมูล ต่อมา นำไข่ไก่ ตอกใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ใส่น้ำปลาลงไป ตีไข่ให้เข้ากัน เสร็จแล้วนำข้าวเหนียวมูลปั้นเป็นก้อนเท่าลูกไข่ไก่แล้วชุบกับไข่ไก่ทาให้ทั่ว ต่อมา นำไปปิ้งที่เหล็กปิ้งบนเตาถ่าน พริกไปมาจนข้าวเหนียวมูลมีสีเหลืออมส้ม ก็เป็นอันแล้วเสร็จ ขายก้อนละ 10 บาท ด้วยรสชาติหอม อร่อย จึงมีลูกค้านิยมทานกันมาก เพราะมีให้ทานเฉพาะฤดูหนาวเท่านั้น
นางสมพัศ จันทร์ราพา อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 18/1 หมูที่ 11 ต.บุ่ง อ.เมืองอำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ ระหว่างที่ปิ้งข้าวจี่พร้อมพูดคุยกับคนขาย บอกว่า ทุกฤดูหนาวจะต้องเดินทางเข้ามาหาซื้อข้าวจี่รับประทานและไปฝากหลานๆ ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองอำนาจเจริญทุกวัน เพื่อให้หลานๆรู้ว่า ข้าวจี่ เป็นขนมโบราณเอกลักษณ์ของชาวอีสาน จะมีขายเฉพาะที่ภาคอีสานเท่านั้น และยังเป็นการรำลึกถึงเมื่อครั้งอดีต ที่เคยนั่งผิงไฟกับพ่อแม่ และได้ทานข้าวจี่ฝีมือพ่อแม่นั่งเอง...
สนธยา ทิพย์อุตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี