กระทรวงพาณิชย์ : กำลังปฏิรูปโครงสร้างการผลิตการเกษตร ในตอนที่ 3 ผมได้ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการเพิ่มพื้นที่ปลูกมันสำปะหลัง ตามยุทธศาสตร์สินค้าเกษตรเป็นรายพืชเศรษฐกิจ 4 สินค้า ไปแล้ว ตอนที่ 4 นี้ ผมจะขอพูดถึงเรื่องการเพิ่มพื้นที่ปลูกอ้อยจากปัจจุบันที่มีพื้นที่เพาะปลูกอยู่ 10 ล้านไร่ มีผลผลิตมากกว่า 100 ล้านตัน เป็นพื้นที่ 16 ล้านไร่ เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตให้มากกว่า 180 ล้านตัน
ยุทธศาสตร์การเพิ่มพื้นที่ปลูกอ้อยซึ่งตัวเลขที่น่าจะใกล้เคียงที่สุดในปัจจุบันน่าจะอยู่ที่ 8 ล้านไร่เศษ ไม่ใช่ 10 ล้านไร่ ตามยุทธศาสตร์ดังกล่าว ดังนั้น การเพิ่มพื้นที่ปลูกอ้อยให้ได้ 16 ล้านไร่ ภายในปี 2569 จึงเป็นการเพิ่มพื้นที่ปลูกอ้อยเกือบ 100% เป็นการเพิ่มพื้นที่ที่น่าตกใจว่าท่านเหล่านี้คิดได้อย่างไร ย้อนหลังประมาณ 10 ปี คือ ในช่วงปี 2547/48 ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกอ้อยประมาณ 6.6 ล้านไร่ มีผลผลิตรวมทั้งประเทศประมาณ 50 ล้านตัน ในปี 2556/57 มีพื้นที่ปลูกอ้อยเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 8.4 ล้านไร่ ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 27% และมีผลผลิตประมาณ 103 ล้านตัน ผลผลิตเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพการปลูกอ้อยในประเทศไทย ช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่สูงขึ้น จากไร่ละ 7.5 ตันในปี 2547/48 เป็น 12.3 ตันในปี 2556/57
ดังนั้น ยุทธศาสตร์การเพิ่มปริมาณผลผลิตโดยการขยายพื้นที่ดังกล่าว จึงเป็นยุทธศาสตร์ที่มีความเสี่ยงสูงสำหรับเกษตรกร เพราะพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการปลูกอ้อยก็คือพื้นที่ที่ได้ปลูกอยู่ในปัจจุบัน ที่มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับ เช่น ที่ตั้งของโรงงานน้ำตาล การขนส่ง ซึ่งปริมาณพื้นที่และผลผลิตดังกล่าวในปัจจุบันน่าจะมีความเหมาะสมดีอยู่แล้ว การเพิ่มผลผลิตโดยการขยายพื้นที่จึงเป็นเพียงความต้องการของภาคเอกชนที่ต้องการให้เกษตรกรปลูกอ้อยให้ได้มากที่สุด และเมื่อมีผลผลิตที่ออกมาปริมาณมาก ราคาก็ย่อมจะลดลง เจ้าของโรงงานน้ำตาลสามารถกดราคาชาวไร่อ้อยได้อย่างง่ายดาย ประกอบกับราคาอ้อยขึ้นอยู่กับราคาน้ำตาล ซึ่งขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลก ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาราคาน้ำตาลในตลาดโลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาอ้อยในประเทศมีราคาสูงขึ้น เกษตรกรจึงมีการพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิต ทำให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้นในอัตราเพิ่มมากกว่าอัตราเพิ่มของการขยายพื้นที่ แต่แนวโน้มราคาน้ำตาลในตลาดโลก ปัจจุบันคาดว่าจะอยู่ที่ 18 เซนต์/ปอนด์ ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ต่ำมาก ทำให้คาดการณ์ว่าราคาอ้อยขั้นต้นน่าจะอยู่ที่ 680 บาท/ตัน ซึ่งเกษตรกรก็อยู่ไม่ได้ จะเกิดปัญหาตามมา และราคาน้ำตาลในตลาดโลกก็จะผันผวนเช่นนี้อยู่ตลอดไป ดังนั้น จึงไม่มีหลักประกันใดๆ ว่ารายได้ของชาวไร่อ้อยจะคุ้มกับการลงทุนเสมอไป
นอกจากนั้น ในแง่ของการเกษตร อ้อยเป็นพืชที่ใช้พื้นที่มาก ผลตอบแทนต่อไร่ต่ำ เช่นเดียวกับมันสำปะหลัง เกษตรกรเจ้าของที่ดินต้องว่าจ้างแรงงานการผลิต เช่น การไถ การปลูก การกำจัดวัชพืช การใส่ปุ๋ย การใช้สารเคมี การเก็บเกี่ยว รวมทั้งการขนส่งจากภายนอกเกือบทั้งสิ้น เป็นพืชที่มีอายุตั้งแต่ปลูกถึงเก็บเกี่ยวประมาณ 1 ปี การปลูกอ้อยในพื้นที่เดิมติดต่อกันทุกปีทำให้ดินเสื่อมโทรมต้องใช้ปัจจัยการผลิตเพิ่มขึ้น รวมทั้งการขนส่งอ้อยก่อให้เกิดปัญหาของการสัญจรไปมา ถนนชำรุดทรุดโทรมจากการที่รถอ้อยบรรทุกเกินน้ำหนัก สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วในปัจจุบัน ซึ่งควรจะได้รับการแก้ไข แทนที่จะเพิ่มปัญหาโดยการขยายพื้นที่ปลูก
โรงงานน้ำตาลอ้อย ได้มีการสร้างเพิ่มขึ้นมากในปัจจุบัน จากที่เคยมีโรงงานน้ำตาล 46 โรง ในปี 2547 ในปัจจุบันไม่ทราบว่ามีโรงงานที่สร้างเพิ่มขึ้นอีกเท่าไร และที่ได้รับใบอนุญาตแล้ว แต่ยังไม่ได้ก่อสร้างอีกเท่าไร กระทรวงอุตสาหกรรมออกใบอนุญาตได้อย่างไรทั้งที่ปริมาณการผลิตในปัจจุบันไม่เพียงพอกับความต้องการของโรงงาน แก้ไขระเบียบที่อดีต การสร้างโรงงานน้ำตาลจะต้องมีระยะห่างกันไม่น้อยกว่า 200 กิโลเมตรต่อโรง แก้ไขจนปัจจุบันเหลือเพียง 80 กิโลเมตร และทราบว่าโรงงานน้ำตาลกำลังต่อรองให้เหลือระยะห่างเพียง 50 กิโลเมตรต่อโรง ซึ่งการแก้ไขระเบียบนี้ก็เกิดจากความร่วมมือกันระหว่างพ่อค้า ข้าราชการ และนักการเมืองทั้งนั้น ทั้งๆ ที่ระเบียบเดิมก็ดีอยู่แล้ว
ยังนับว่าโชคดีที่มี พ.ร.บ. อ้อยและน้ำตาล ซึ่งภายใต้ พ.ร.บ. ดังกล่าว ทำให้เกิดคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนชาวไร่อ้อย เจ้าของโรงงานน้ำตาลและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะตัวแทนของชาวไร่อ้อยที่อยู่ในคณะกรรมการชุดนี้ ได้ทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ ปกป้องผลประโยชน์ของชาวไร่อ้อย ทำให้ชาวไร่อ้อยได้รับความเป็นธรรมในเรื่องของราคาพอสมควร
คำถาม ทำไมยุทธศาสตร์นี้ จึงไม่เน้นการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น เพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิตให้ได้มากขึ้น ลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วยพื้นที่แทนการเพิ่มผลผลิตโดยการขยายพื้นที่ ตามหลักการ Less for More คือ การใช้พื้นที่น้อยแต่ให้ได้ผลผลิตมาก หรือผลิตน้อยแต่มีคุณภาพเพื่อให้ได้ราคาที่สูงขึ้น
อนันต์ ดาโลดม
นายกสมาคมพืชสวนแห่งประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี