15 ธ.ค.57 ที่กระทรวงยุติธรรม นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อม น.ส.ฉัตรอนงค์ จัตุชาติ และ น.ส.อภิญญา ชัยคำ เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้ช่วยเหลือ นายวัชรินทร์ แสงทอง และนายวีระยุทธ แซ่เฮง ผู้ต้องหาคดีร่วมกันชิงทรัพย์ เหตุเกิดในพื้นที่ สน.ทองหล่อ เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยทั้ง 2 รับสารภาพในคดีชิงทรัพย์ น.ส.อุ่มหล่า ใบเย็น แต่ปรากฏว่าต่อมาตำรวจขยายผลว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คนก่อเหตุฆ่าชิงทรัพย์นักศึกษา ม.กรุงเทพ เสียชีวิต เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มอีกหนึ่งคดี แต่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวนว่าไม่ใช่ผู้กระทำผิดในคดีฆ่าชิงทรัพย์นักศึกษา
โดย น.ส.ฉัตรอนงค์ และ น.ส.อภิญญา กล่าวว่า ระหว่างที่มีการดำเนินคดีญาติได้เข้าเยี่ยมพบว่า ตามร่างกายของทั้ง 2 คน มีบาดแผลฟกช้ำ ทั้งที่ก่อนถูกคุมตัวไม่มีบาดแผล นอกจากนี้ หลักฐานของกลางที่เป็นพระเครื่องตามที่ตำรวจอ้างว่าเป็นของกลางที่ถูกชิงทรัพย์มานั้น พระเครื่องดังกล่าวครอบครองมานานแล้ว และใส่ซองห้อยไว้ที่หัวเตียง ทั้งนี้ ยืนยันคำพูดอ้างถึงเฟซบุ๊คว่ามีการพูดคุยกับคนรู้จักถามเกี่ยวกับพระเครื่ององค์ดังกล่าวเมื่อช่วงปี 2556 ก่อนจะเกิดเหตุฆ่าชิงทรัพย์ตามที่ตำรวจแจ้งดำเนินคดี จึงเห็นได้ว่าคดีฆ่าชิงทรัพย์ ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ถูกบังคับให้รับสารภาพ จึงมาร้องขอความเป็นธรรมต่อกระทรวงยุติธรรม ให้ช่วยเหลือพิสูจน์ความบริสุทธุ์
ขณะที่ น.ส.สมพร แซ่เฮง น้องสาวนายวีระยุทธ ผู้ต้องหาคดีฆ่าชิงทรัพย์นักศึกษา ม.กรุงเทพ กล่าวว่า วันที่ตนเองไปเอาโทรศัพท์ที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ ไปยึดมาจากบ้านซึ่งเป็นของพ่อคืน เห็นพี่ชายถูกคลุมถุงดำ และเมื่อโผล่หน้าออกมาก็มีรอยฟกช้ำคล้ายถูกทำร้ายร่างกาย พร้อมกับร้องขอความช่วยเหลือ แต่ตนเองไม่สามารถช่วยอะไรได้เพราะถูกตำรวจ สน.ทองหล่อ ไล่ให้กลับบ้าน
ด้าน พ.ต.อ.ดุษฏี เปิดเผยว่า เบื้องต้นจะนำข้อมูลทั้งหมดไปตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยจะให้ทีมงานกระทรวงยุติธรรมไปสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพภายในสัปดาห์นี้ จากเจ้าหน้าที่จะนำรายละเอียดที่ซักถามมาวิเคราะห์ หากมีแนวโน้มเป็นไปตามที่แฟนสาวของนายผู้ต้องหามาร้องเรียนจริง จากนั้นจะให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจสอบว่าตามกล่าวอ้างพูดคุยและภาพพระเครื่องในเฟซบุ๊ค รวมทั้งนำเครื่องจับเท็จไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ว่าเป็นแพะตัวจริงหรือตัวปลอม
"เราต้องนำสถาบันนิติวิทยาศาสตร์เข้ามาร่วมด้วย เพื่อใช้เครื่องมือวิทยาศาตร์เข้ามาพิสูจน์ให้เกิดความมั่นใจว่า การมาร้องทุกข์ไม่ใช่เพื่อการแก้เกี้ยวอีกคดี ซึ่งขณะนี้ศาลชั้นต้นตัดสินแล้ว ส่วนกระบวนการศาลก็เดินหน้าต่อไปตามปกติ แต่ระหว่างนี้หากทีมงานของตนพิสูจน์ได้ข้อมูลที่แย้งกับตำรวจ ก็จะส่งข้อมูลให้ศาลใช้ประกอบการพิจารณาในชั้นศาลอุทธรณ์ต่อไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตำรวจได้กลายเป็นเหยื่อแล้ว เมื่อถูกร้องเรียนการกระทำที่ไม่ถูกต้องจากการซ้อมผู้ต้องหาให้เป็นแพะ ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะดำเนินการให้เกิดความเป็นธรรม ตามข้อเท็จจริงกับทั้งฝ่ายตำรวจและผู้ต้องหา"พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี