ศาสตราจารย์ นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2558 นี้ กระทรวงสาธารณสุข จัดทำโครงการรณรงค์ให้วัคซีนป้องกันโรคคอตีบในกลุ่มผู้ใหญ่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมพรรษา 5 รอบ 2 เมษายน 2558 และเป็นของขวัญปีใหม่ 2558 แก่ประชาชนไทย เป็นระบบการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคกรณีพิเศษ เนื่องจากในปี พ.ศ.2553-2555 มีการระบาดโรคคอตีบที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือตอนล่าง มีแนวโน้มขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ จากการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมพบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่อายุระหว่าง 20-50 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่เกิดก่อนที่ประเทศไทยเริ่มแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคในเด็กระดับชาติ ใน พ.ศ.2520 จึงเป็นกลุ่มที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนชนิดนี้ จึงมีระดับภูมิคุ้มกันต่อโรคคอตีบไม่เพียงพอ
นอกจากนี้ ยังพบการระบาดของโรคคอตีบในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาวและเมียนมาร์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งไทยจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 ซึ่งจะมีประชากรจากประเทศเพื่อนบ้านเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย จึงมีความเสี่ยงนำเชื้อโรคคอตีบมาแพร่ระบาดได้ ที่ผ่านมาไทยใช้วัคซีนเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคป้องกันโรคติดต่อ ที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน พบว่าประสบผลสำเร็จในระดับสูง ไทยปลอดโรคโปลิโอตั้งแต่ปี 2540 กำจัดโรคบาดทะยักในเด็กแรกเกิดได้ตามเป้าหมาย ได้รับการชื่นชมจากองค์การอนามัยโลกและคณะผู้เชี่ยวชาญระดับโลก
“โครงการรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบในผู้ใหญ่ครั้งนี้ มีเป้าหมายฉีดให้ผู้ใหญ่อายุ 20-50 ปี ซึ่งทั่วประเทศมีประมาณ 28 ล้านคนทั่วประเทศ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นับว่าเป็นโครงการที่ใหญ่สุดในโลก ถือเป็นประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยมีประเทศใดทำได้มาก่อน ซึ่งจะเป็นการป้องกันควบคุมโรคในระยะยาวของประเทศไทยที่ได้ผลด้วย โดยจะเริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 เป็นต้นไป”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี