ก็นับเป็นข่าวดีสำหรับคนทั่วไป เรื่องที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติหรือ กพช.ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติปรับโครงสร้างราคาน้ำมันใหม่ ยังผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันในกลุ่มเบนซินลดลงไปได้อีกถึงลิตรละ 2 บาท ส่วนดีเซลลดลงลิตรละ 1 บาท เป็นทิศทางที่สอดรับกับราคาน้ำมันตลาดโลกที่กำลังดิ่งลงต่ำที่สุดในช่วง 5 ปีมานี้ จากที่เคยขึ้นสูงกว่าบาร์เรลละ 100 ดอลลาร์ ล่าสุดตอนนี้ลดต่ำทะลุบาร์เรลละ 60 ดอลลาร์ลงไปแล้ว
แม้ว่า การปรับโครงสร้างลดราคาน้ำมันในประเทศครั้งนี้ จะน้อยกว่าที่คาดกันไว้ เพราะราคาน้ำมันโลกที่ผ่านมาลดลงไปกว่า 40% แล้ว แต่ที่ผ่านมาไทยเพิ่งลดราคาน้ำมันลงไปราว 20% เท่านั้น ยังมีช่วงราคาให้ปรับลดสอดคล้องกับตลาดโลกได้อีกหลายบาท...แต่เอาเถอะ ได้เท่านี้คนไทยส่วนใหญ่ก็ดีใจโขแล้ว
เห็นราคาน้ำมันที่ลดลงมากๆ แบบนี้ สำหรับคนทั่วไปย่อมดีขึ้นแน่ เพราะค่าครองชีพต่างๆมีสิทธิที่จะถูกลง เพียงแต่กลไกตลาดบ้านเรา เวลาสินค้าข้าวของจะลดราคาลงตามต้นทุนนั้น ดูเหมือนจะช้าไปสักหน่อย ไม่เหมือนตอนที่ต้นทุนพุ่งขึ้นละก้อ รีบขึ้นราคาตามทันที หรือไม่แค่มีสัญญานต้นทุนจะเพิ่มขึ้นเท่านั้นแหละ พวกพ่อค้าตัวแสบๆ ก็เล่นขึ้นราคาสินค้าดักหน้าไปก่อนเลยก็ยังมี
ราคาน้ำมันที่ลดลงยังน่าจะช่วยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรในหลากหลายสาขา โดยเฉพาะกลุ่มประมง ที่น้ำมันเติมเรือออกหาปลา ถือเป็นต้นทุนหลักที่สำคัญที่สุด ขณะที่เกษตรกรอื่นๆ นอกจากค่าน้ำมันรถไถ เครื่องจักรกลการเกษตรที่ลดลงบ้าง ไม่ถึงกับเห็นเนื้อเห็นหนังมากนัก แต่ในส่วนของค่ายา ฆ่าปุ๋ย โดยเฉพาะสารเคมีทางการเกษตรที่ปกติราคาจะอิงกับราคาน้ำมัน สินค้าเหล่านี้ราคาก็น่าจะลดลง ช่วยให้ต้นทุนการทำเกษตรกรรมลดลงด้วย ถ้ากลไกรัฐ ทั้งกระทรวงเกษตรฯและกระทรวงพาณิชย์จะมี“น้ำยา” ช่วยดูแลให้มีการลดราคาลงให้ทันกับต้นทุนโดยเร็วหน่อย
อย่างไรก็ตาม ถึงต้นทุนการผลิตของเกษตรกรมีแนวโน้มที่จะลดลงตามราคาน้ำมันอยู่บ้าง แต่ผลจากการที่สินค้าการเกษตรหลายชนิด ราคายังคงตกต่ำอย่างน่าใจหาย ก็นับเป็นความเดือดร้อน ที่ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ ยังคงชักหน้าไม่ถึงหลัง
ยิ่งโดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ดิ่งลงนี้ ยังมีผลให้ราคาสินค้าเกษตรตัวสำคัญอย่าง“ยางพารา”ยิ่งมีราคาย่ำแย่ตามไปด้วย...อย่างที่รู้กันว่า เพราะน้ำมันเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตยางสังเคราะห์ที่เป็นคู่แข่งของยางธรรมชาติอย่างยางพารา การที่ราคายางพาราเคยทะยานขึ้นสูงสุดถึงกก.ละ 170 กว่าบาท เมื่อ 3-4 ปีก่อน ไม่เพียงเพราะปัจจัยหนุนเรื่องตลาดยาง แต่ยังรวมถึงปัจจัยเอื้อจากราคาน้ำมันโลกช่วงนั้น สูงกว่าบาร์เรลละ 100 ดอลลาร์ด้วย
เรื่องวิกฤติราคา“ยางพารา” จึงยังคงเป็นระเบิดเวลา ที่รอการตูมตามออกมาแน่ หลังปีใหม่ คงจะได้เห็นว่า จะมีการเคลื่อนไหวอะไรแบบไม่กลัวกฎ“อัยการศึก”หรือไม่ เพราะตอนนี้แกนนำหลายกลุ่มชาวสวนยาง ยังคงส่งเสียงกดดันรัฐบาล โดยเฉพาะการกดดันต่อการทำงานของกระทรวงเกษตรฯอยู่ไม่ขาดสาย ขณะที่นายกฯบิ๊กตู่ประกาศเป็นนโยบายชัดเจนว่า จะไม่ทำตามข้อเรียกร้องที่จะให้รัฐเข้ามาแทรกแซงรับซื้อยางพาราที่กก.ละ 80 บาทอย่างเด็ดขาด เพราะรัฐบาลไม่มีเงินที่จะทำเช่นนั้นได้
ถึงเรื่องยางพารา จะมีนายกฯบิ๊กตู่เป็น “แบ๊ก” หนุนหลังให้ และนายกฯยังจะลงไปพูดคุยกับชาวสวนยางเอง ในช่วงที่มีวาระลงไปรำลึกงาน“สึนามิ”ที่ภาคใต้สัปดาห์หน้าด้วย แต่ในส่วนของกระทรวงเกษตรฯเองก็ยังคงตกเป็นเป้าโจมตีเรื่องของความ“ไร้ประสิทธิภาพ”ในการช่วยเหลือชาวสวนยาง รวมถึงเกษตรกรกลุ่มอื่นด้วย เพราะกว่า 3 เดือนของรัฐบาลชุดนี้ ยังไม่เห็นผลงานอะไรที่จับต้องได้เลย
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรฯโดยรมว.ปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา พร้อมด้วยรมช.อำนวย ปะติเส จึงจัดงานประชุมใหญ่มอบนโยบาย“ขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายสำคัญ ปี 2558”ให้กับข้าราชการระดับสูงทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคนับพันคน โดยนัยเหมือนเป็นการ“ไขลาน”เพื่อให้เร่งดำเนินการตาม“โรดแมป”ที่รัฐบาลวางไว้
ก็คงต้องรอดูต่อไปว่า การ“ไขลาน”ครั้งนี้ จะได้ผลสักแค่ไหน ช่วยให้กลไกข้าราชการที่ส่วนใหญ่ยังมีสภาพเป็น“เกียร์ว่าง” ยอมที่จะเข้า“เกียร์เดินหน้า” ทำงานให้ได้เต็มทีขึ้นบ้างหรือไม่ แต่ก็ต้องเตือนไว้เลยว่า ผลงานของรมว.เกษตรฯช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ถูกประเมิน“แย่” ถ้ากรทำงาน อะไรๆยังไม่ดีขึ้น หลังปีใหม่อาจมีอันต้อง“เก้าอี้หัก” ถูกเขี่ยตกเก้าอี้....ก็เป็นได้
สาโรช บุญแสง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี