สพฐ.จ่อยกเครื่องสูตรแกนกลาง ย้ำผลิตคนให้ตรงกับการปฏิรูป
วันพุธ ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557, 16.05 น.
Tag :
17 ธ.ค. 57 นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) กำลังเตรียมปรับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ซึ่งจะเป็นการปรับหลักสูตรครั้งใหญ่ เนื่องจากหลักสูตรดังกล่าวใช้มา 6 ปีแล้วและถึงวงรอบที่จะต้องปรับปรุงหลักสูตรแกนกลางฯให้สอดคล้องกับบริบททางสังคมที่เปลี่ยนแปลงและเพื่อผลิตคนให้ตรงกับความต้องการของประเทศรวมทิศเป็นไปในทิศทางเดียวกับการปฏิรูปการศึกษารอบใหม่ของประเทศ ทั้งนี้ สพฐ.จะตั้งคณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานระดับกระทรวง มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เป็นประธาน และเสนอตั้งนายสุชาติ วงษ์สุวรรณ ที่ปรึกษาสพฐ.เป็นหัวหน้าคณะทำงานปรับปรุงหลักหลักสูตร
นายกมล กล่าวต่อว่า สพฐ.ได้กำหนดกระบวนการและปฏิทินการดำเนินการเอาไว้ 12 ขั้นตอนซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณปีครึ่งถึงสองปีจึงจะดำเนินการแล้วเสร็จได้แก่ 1.ศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลเดือนตุลาคม-มกราคม2558 2.กำหนดกรอบทิศทางของหลักสูตร เดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 2558 3.รับฟังความคิดเห็นเดือนพฤษภาคม 2558 4.ยกร่างหลักสูตรแกนกลาง เดือนมิถุนายน-ตุลาคม 2558 5.รับฟังความคิดเห็นเฉพาะกลุ่มเดือนพฤศจิกายน 2558 6.พัฒนาสื่อและเอกสารประกอบเดือนพฤศจิกายน 2558 -พฤษภาคม 2559 7.พัฒนาบุคลากร เดือนพฤศจิกายน- ธันวาคม 2558 8.ปรับปรุงร่างหลักสูตร เดือนธันวาคม 2558 9.ทดลองนำร่องหลักสูตรแกนกลาง โดยการกำกับติดตามและประเมินผล เดือนพฤษภาคม 2559- มีนาคม 2560 10.ปรับปรุงร่างหลักสูตรเดือนมีนาคม 2560 11.เสนอคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน อนุมัติในเดือนเมษายน 2560 และ12.เสนอศธ. ประกาศใช้หลักสูตรในเดือนพฤษภาคม 2560
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อว่า สพฐ.กำลังทำการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูล ข้อดีข้อเสียของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานฯเดิม และดูทิศทางแนวโน้มสังคมโลกว่าการสร้างเด็กในศตวรรษที่ 21 และดูหลักสูตรการศึกษาของนานาชาติประกอบโดยสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สพฐ.กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้กำหนดว่าจะมีการเปลี่ยนกลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่มในปัจจุบันใหม่หรือไม่ เพราะจะต้องรอฟังความคิดเห็นก่อน รวมทั้งต้องดูแนวทางของสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)ด้วย ส่วนร่างหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน นายภาวิช ทองโรจน์ อดีตเลขานุการรัฐมตรีว่าการศธ.ได้ทำการศึกษาไว้ก่อนหน้านี้สามารถนำผลการศึกษามาปรับใช้ได้เยอะมากเนื่องจากได้ศึกษาวิเคราะห์หลักสูตรเก่าประกอบกับทิศทางแนวโน้มในอนาคตไว้ด้วยจึงสามารถนำข้อมูลมาใช้ประกอบได้
“หลักสูตรที่จะปรับปรุงไม่ว่าจะปรับเป็นกี่กลุ่มสาระการเรียนรู้ แต่การจัดสัดส่วนเวลาเรียนจะเปลี่ยนไปจากเดิม จะไม่กำหนดชั่วโมงเรียนแบบเดิม เช่น กำหนดว่าจะต้องเรียน 60 ชั่วโมง เป็นต้น แต่ต่อไปเด็กที่เรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 1-3 จะเรียนเน้นหนักในเรื่องของภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์เป็นหลักเพื่อให้เด็กอ่านออกเขียนได้ และส่วนที่เหลือก็ให้เรียนด้วยแต่อาจเรียนในสัดส่วนที่น้อยกว่า ส่วนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4-5-6 และมัธยมศึกษาตอนต้นสัดส่วนวิชาอื่นก็จะเพิ่มขึ้นและเมื่อเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายสัดส่วนวิชาเรียนจะเท่ากันในแต่ละกลุ่มสาระหรืออาจจะเน้นวิชาที่จะต้องใช้ในการสอบเข้าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย รวมทั้งจะปรับหลักสูตรสถานศึกษาให้ครอบคลุมท้องถิ่นมากกว่าเดิมเนื่องจากปัจจุบันแม้ในหลักสูตรจะกำหนดหลักสูตรท้องถิ่นเอาไว้แต่ทุกโรงเรียนจะไม่ได้ใช้มากนัก เพราะจะเน้นหลักสูตรแกนกลางมากกว่า” นายกมล กล่าว