แรงงานบุรีรัมย์ยึดอาชีพตี
ตัดทองคำเปลวส่งขายสร้างรายได้
แรงงานชาว อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ที่อพยพหนีภัยน้ำท่วมกรุงเทพฯครั้งใหญ่ เมื่อปี 2554 กลับภูมิลำเนาได้นำประสบการณ์ที่เคยทำงานกับนายจ้าง มารับจ้างตีและตัดทองคำเปลว สำหรับปิดองค์พระและใช้ตกแต่งงานประณีตศิลป์ เป็นรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัว พร้อมถ่ายทอดให้คนในหมู่บ้านทำเป็นอาชีพเสริมช่วงว่างเว้นจากการทำนา มีรายได้เสริม 5,000-6,000 บาทต่อเดือน
ชาวบ้านบ้านโคกสูง ต.ศรีภูมิ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ที่เคยไปขายแรงงานที่กรุงเทพมหานคร แต่ต้องอพยพกลับภูมิลำเนาหลังประสบปัญหาน้ำท่วมครั้งใหญ่ เมื่อปี 2554 ได้นำความรู้ประสบการณ์ที่เคยทำงานเกี่ยวกับการตีทองและตัดทองคำเปลว ที่ใช้สำหรับปิดสักการะองค์พระหรือใช้ตกแต่งเกี่ยวกับงานประณีตศิลป์กับนายจ้างที่กรุงเทพฯ กว่า 10 ปี มาทำเป็นอาชีพเสริมเพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว
พร้อมถ่ายทอดความรู้ให้กับญาติพี่น้องและชาวบ้านในหมู่บ้าน รับจ้างทำเป็นอาชีพเสริมช่วงว่างเว้นจากการทำนา โดยจะรับงานจากนายจ้างมาทำที่บ้าน โดยนายจ้างจะส่งแผ่นทองคำมาให้ที่บ้านตามออเดอร์คิดเป็นน้ำหนักทองแต่ละครั้ง ครั้งละ 10 บาท ใช้เวลาทำประมาณ 10 วัน เดือนหนึ่งจะส่งมาให้ทำ 3 ครั้ง รวมเป็นน้ำหนักทอง 30 บาท
ปัจจุบันมีชาวในบ้านหมู่บ้านโคกสูงสนใจหันมาทำอาชีพตีและตัดทองคำเปลวแล้วกว่า 10 ราย มีรายได้เฉลี่ยคนละ 5,000 - 6,000 บาทต่อเดือน ซึ่งถือเป็นรายได้เสริมเพียงพอเลี้ยงครอบครัวทั้งลดปัญหาการเคลื่อนย้ายแรงงานออกนอกพื้นที่ได้ในอีกทางหนึ่งด้วย
สำหรับกรรมวิธีการผลิตทองคำเปลวเริ่มจากการนำทองคำบริสุทธิ์ ที่รีดเป็นแผ่นตัดที่นายจ้างส่งมาให้ ไปตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ ประมาณ 1 เซนติเมตร จากนั้นนำแผ่นทองที่ตัดไว้จัดวางใส่กระดาษแก้วเรียงซ้อนกัน บรรจุใส่กล่องที่ทำจากหนังวัว แล้วนำไปเข้าแท่นที่ทำจากหินแกรนิตพื้นเรียบใช้ค้อนทองเหลืองสำหรับตีทอง ตีกุบให้ได้แผ่นทองตามขนาดที่ต้องการ โดยผู้ที่ตีจะต้องมีความชำนาญหรือประสบการณ์เป็นพิเศษ
หลังจากตีกุบก็จะนำแผ่นทองไปใส่กระดาษแก้วแผ่นใหญ่ขึ้นที่เรียกว่าฝัก แล้วนำไปตีต่ออีกรอบ 6-7 ชั่วโมง ให้ได้แผ่นทองที่แผ่บางที่สุด หลังเสร็จสิ้นกระบวนการตีทองแล้วก็จะนำไปใส่กระดาษสาเพื่อตัดให้ได้ขนาด โดยจะใช้ไม้ไผ่ที่เจียรขอบให้คม
จากนั้นก็จะตัดแผ่นทองให้ได้ขนาดที่พอเหมาะ วางบนกระดาษที่เตรียมไว้ โดยจะมีทั้งแบบเต็มแผ่นประมาณ 4 คูณ 4 เซนติเมตร และแบบจิ้มไม่เต็มแผ่น เมื่อเสร็จแล้วก็จะทำการมัดรวมให้เรียบร้อยก่อนจัดส่งให้กับนายจ้าง ส่วนเศษทองที่เหลือจากกระบวนการผลิตจะเก็บรวบรวมใส่กระปุก เพื่อส่งคืนให้ร้านทองนำกลับไปหลอมเป็นทองก้อนใหม่
นายสุชาติ เพิ่มฤทธิ์ ชาวบ้านบ้านโคกสูงที่รับงาน หรือออเดอร์จากนายจ้างมาทำที่บ้าน บอกว่าปัจจุบันได้ถ่ายทอดความรู้วิธการทำทองคำเปลวให้กับญาติพี่น้องและชาวบ้าน สนใจหันมาทำเป็นอาชีพเสริมแล้วกว่า 10 คน แต่ละคนจะมีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 5,000-6,000 บาท แต่ส่วนขั้นตอนการตีทองต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ ในหมู่บ้านจึงมีเพียงตนเองที่ตีได้คนเดียวส่วนชาวบ้านคนอื่นก็จะมารับจ้างตัดทองคำเปลว ปัจจุบันตนก็มีรายได้เดือนละกว่า 10,000 บาทเพราะเป็นคนรับงานมาจากนายจ้าง แต่หากชาวบ้านคนไหนอยากจะทำเป็นอาชีพเสริม หรือสนใจจะมาเรียนรู้วิธีการทำทองคำเปลว ก็ยินดีจะถ่ายทอดให้
ด้านนางจำเนียน ผลเจริญ อายุ 47 ปี ชาวบ้านบ้านโคกสูง อีกราย ที่รับจ้างตัดทองคำเปลว บอกว่า ก่อนหน้านี้เคยทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ แต่หลังจากเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่จนต้องอพยพกลับบ้าน ปกติที่บ้านมีเพียงอาชีพทำนา จึงตัดสินใจหันมารับจ้างทำอาชีพตัดทองคำเปลว ปัจจุบันก็มีรายได้เสริมช่วงว่างเว้นจากการทำนา ถึงแม้จะเป็นรายได้ที่ไม่มากนัก แต่ก็เพียงพอเลี้ยงครอบครัวโดยไม่ต้องอพยพไปทำงานต่างถิ่นได้
ขวัญชัย หาญประโคน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี