สังคมทุกวันนี้คงต้องยอมรับกันว่าประชาชนทุกคนต้องต่อสู้กับสารพัดปัญหาที่มากับความเจริญของบ้านเมืองตื่นเช้าขึ้นมาก็ต้องรีบร้อนกับภาระหน้าที่ของตนหลายๆ คนอาจต้องพลาดพลั้งจนเกิดเหตุถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล วันนี้ ดร.ลาชิต ไชยอนงค์ อธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 จะมาบอกถึงการทำงานของศาลว่าไปอย่างไรบ้าง ซึ่งท่านดูแลอยู่ 8 จังหวัด มี จ.เชียงใหม่ เชียงราย น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน
การทำงานของศาลยุติธรรมภาค 5 เป็นเรื่องปกติของการพิจารณาคดีความต่างๆ ในเขต การที่มาดำรงตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษา ภาค 5 หน้าที่คือ การกำกับดูแลศาลในเขต ซึ่งมีทั้งหมด 8 จังหวัด 21 ศาล และอีก 2 ศาลสาขา หมายถึงศาลในพื้นที่ทุรกันดาร แต่ยังไม่สามารถเปิดเต็มรูปแบบได้ โดยให้ผู้พิพากษาจากที่ใกล้ๆ เดินทางสลับกันไปมา เช่น ศาลจังหวัดแม่ฮ่องสอน สาขาปาย ศาลจังหวัดน่าน สาขาปัว
ถามว่าต้องมีอะไรปรับปรุงอีกไหม ก็เป็นธรรมดา การทำงานพอมันถึงเวลามันก็จะต้องปรับปรุงปรับเปลี่ยน ขณะนี้ได้มอบนโยบายหลักไปก็คือ ความมีประสิทธิภาพที่มากขึ้นของศาลชั้นต้น เพราะในอนาคต เราพยายามจะปรับโครงสร้างของศาลยุติธรรมให้คดีไปถึงที่สุดที่ศาลอุทธรณ์ ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างใหม่ คดีจะขึ้นสู่ศาลฎีกาได้ก็ต่อเมื่อผู้ว่าศาลศาลฎีกาอนุญาตให้ฎีกา
ดังนั้นศาลชั้นต้นจะต้องทำให้ประชาชนมั่นใจว่าไม่ว่าคดีจะถึงที่สุดที่ศาลชั้นไหน จะต้องได้รับความยุติธรรมที่
เท่าเทียมกัน คำพิพากษาของศาลชั้นต้นจะต้องมีประสิทธิภาพเท่ากับคำพิพากษาของศาลฎีกา ผมได้เน้นย้ำกับศาลในภาค ให้ตรวจร่างคำพิพากษาเข้มข้นขึ้น ซึ่งเป็นภารกิจหลักที่สำคัญเพราะเป็นตัวชีวัดความมีประสิทธิภาพของศาล ส่วนเรื่องการบริหารงานบุคคลผมมีนโยบายจะอยู่กับผู้พิพากษาแบบพี่แบบน้อง โดยใช้เวลาไปตรวจเยี่ยมทุกศาลบ่อยๆ ถึงแม้การเดินทางจะลำบาก เพราะการมีขวัญกำลังใจที่ดีให้กับเจ้าหน้าที่ก็ทำให้มีกำลังใจในการทำงาน เมื่อวันก่อนศาลแพร่กับน่านมีกีฬาผมก็ไปเตะฟุตบอล ทุกคนแฮปปี้ มีความสุข
เรื่องหนึ่งที่อยากจะทำมากก็คือเทคโนโลยีทั้งหมดภายในภาค 5 ขณะนี้เราพยายามจะใช้เทคโนโลยีติดต่อกันให้ได้มากที่สุด ประชุมหรืออะไรที่เร่งด่วนก็ใช้ Video conference กับทุกศาล เนื่องจากผู้พิพากษาหัวหน้าศาล เป็นรุ่นที่ใช้เทคโนโลยีอยู่แล้ว จึงนำเรื่องนี้มาช่วยในการบริหารค่อนข้างเยอะ โดยเฉพาะภาคเหนือช่วยได้เยอะมาก ทุกปีจะมีการพัฒนาศักยภาพเพิ่มพูนความรู้ในปีนี้จะเน้นหนักในเรื่องเทคโนโลยี แต่ก็จะต้องสอดคล้องกับที่สำนักงานศาลใหญ่ในกรุงเทพฯ เพราะถ้าระบบเราใช้ต่างกับคนอื่นก็คงลำบาก แต่บางทีเราอาจจะเป็นตัวนำได้ ถ้าสำนักงานศาลเห็นว่าดีแล้วนำไปปรับปรุงใช้กันทั่วประเทศ อย่างภาคส่วนเอกชน เช่น ธนาคารพร้อมที่จะร่วมมือเพราะเอกสารของธนาคารเยอะมากไม่อยากส่งมาเป็นกระดาษ เราก็เลยต้องมีการประสานกันร่วมมือกัน
ถ้าถามว่าสบายใจไหม ทำงานมันก็ไม่มีสบายใจทั้งหมด แต่ก็ไม่หนักใจถึงขั้นแก้ปัญหาไม่ได้ เท่าที่ไปตรวจเยี่ยม ทั้ง 8 จังหวัด ก็พูดคุยกันแบบพี่น้อง และเราสามารถพูดคุยกันทั้งทางโทรศัพท์ทางไลน์ มีปัญหาก็เปิดสายเต็มที่ ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้ามาพบเป็นทางการ เวลามีอะไรก็จะส่งข่าวกันทางไลน์กันบ้าง เรื่องผู้พิพากษาก็รู้จักกันหมดแต่บางเรื่องก็ไม่รู้ เราก็มาช่วยกันแนะนำทำให้ไวขึ้น
บางครั้งผมก็แนะนำ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลว่า อะไรที่ไม่ขัดต่อกฎหมายเราก็ทำได้ เช่น เราอาจจะมีไลน์แจ้งเตือนพยานว่า วันนี้คุณจะต้องมาเบิกความนะ มีไลน์แจ้งผลการส่งหมาย ส่งได้ไม่ได้ อะไรที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย แต่ละศาลก็จะต้องไปทำกันเองว่าจะจัดการกันยังไง เพราะว่าการพิจารณาคดีของเราขนาดนี้ เราไม่ต้องการเลื่อน คดีที่มีวันนัด ภาษาทางศาลเรียกว่า การพิจารณาคดีต่อเนื่อง
สมมุติวันนี้คุยกันว่าจะสืบพยานกี่ปาก อาจจะนัด 5 เดือนข้างหน้า เมื่อถึงเวลานัด เช่น นัด 3 วัน ก็ให้จบเลย และถ้าเป็นไปได้ก็จะบอกวันตัดสินว่าจะตัดสินวันไหน ระหว่าง 5 เดือนเราต้องเตรียมพร้อมทุกอย่าง ประสานพยาน ถ้าหัวหน้าศาลเข้มแข็งก็ติดตามพยานทางอิเล็กทรอนิกกัน อาจจะสร้างภาระให้น้องๆ เจ้าหน้าที่ แต่ก็จะทำให้ประสิทธิภาพงานโอเค และเราก็ให้ขวัญกำลังใจ เพื่อให้ไวทันกับยุค ความยุติธรรมมันก็มีคำพูดอยู่แล้วว่า ความล่าช้าคือความไม่ยุติธรรม เราก็จะต้องทำอะไรให้กระฉับกระเฉงว่องไวเพื่อให้อยู่ในเส้นตรงของมันให้ได้
พิชัย พิสูจน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี