คาดสัปดาห์หน้ารู้ผลส่วยน้ำมัน แจงจนท.ขอเลื่อนปากคำทำช้า
วันพฤหัสบดี ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557, 18.22 น.
Tag :
18 ธ.ค. 57 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พ.ต.ท.ไพศิษฎ์ สังคหะพงศ์ ผอ.ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ และโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในประเทศไทยว่า สำหรับคดีหลอกลวงแรงงานไปทำประมงในประเทศอินโดนีเซียเมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ขณะนี้ได้คัดแยกผู้เสียหายโดยทีมงานสหวิชาชีพและพนักงานสอบสวนคดีพิเศษพบว่ามีผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ในคดีนี้รวม 7 ราย แยกออกเป็นคดีพิเศษรวม 4 คดี เนื่องจากเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ และอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนควบคู่กัน
นอกจากนี้คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษยังประสานข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน กรมเจ้าท่า กรมประมง รวมทั้งองค์กรภาคเอกชน (NGO) อย่างใกล้ชิด คาดว่าเร็วๆนี้ จะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานขอออกหมายจับผู้กระทำความผิดกลุ่มแรกได้ ที่ผ่านมาปัญหาการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ในเรือประมงส่งผลกระทบต่อภาพพจน์ของประเทศไทย ดังนั้น การดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอย่างจริงจังมีประสิทธิภาพเชื่อว่าจะเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้
ต่อข้อถามความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีมีรายชื่อเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 3คน เกี่ยวข้องกับการรับส่วยน้ำมันเถื่อนนั้น นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า คาดว่าสัปดาห์หน้าจะตรวจสอบแล้วเสร็จ แต่เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ 1คน ที่เกี่ยวข้องขอเลื่อนการสอบปากคำไปเป็นสัปดาห์หน้ าเพราะต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย จึงทำให้การสอบสวนไม่แล้วเสร็จในสัปดาห์นี้
ส่วนเรื่องแชร์ลูกโซ่ก็อยู่ระหว่าการสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง อย่างไรก็ตาม ในปีหน้าดีเอสไอจะทำงานเชิงป้องกันมากขึ้นโดยประสานกับศูนย์ดีเอสไอในทั่วประเทศ ที่เข้าไปเกี่ยวข้องยังไม่ได้รับรายงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ได้ประสานมายังดีเอสไอ เพื่อขอให้ติดตามสืบสวน กรณีที่มีหลายบริษัทชักชวนให้ประชาชนร่วมลงทุน โดยมีการเสนอดอกเบี้ยที่มีอัตราสูง ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนพ.ศ.2527 ที่ผ่านมาทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลังได้ตรวจสอบ และได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายหลายราย ล่าสุด พบ 15 บริษัท ที่เข้าข่ายกระทำความผิดดังกล่าว