ปิดด่านไทย-มาเลย์
น้ำท่วมหนัก
ชาวนราฯสุดระทม
จ่อโดนซ้ำอีกระลอก
ปัตตานีสั่งเร่งอพยพ
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับสภาวะน้ำท่วมจากพื้นที่ จ.นราธิวาส ว่า หลังจากเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ฝนได้หยุดตกลงแล้ว แต่ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาฝนได้ตกลงมาซ้ำในพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ส่งผลทำให้ปริมาณน้ำท่วมขังบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตรของราษฎร ซึ่งถือว่าหนักสุด จำนวน 2 จุด ของ จ.นราธิวาส ที่ได้รับอิทธิพลของน้ำป่าไหลลงมาสมทบในแม่น้ำสุไหงโก-ลก คือ บริเวณตลอดริมตลิ่งในพื้นที่ อ.แว้ง สุไหงโก-ลกและตากใบ ซึ่งมีระยะทางยาว 46 ก.ม. โดยมีปริมาณน้ำท่วมขังสูงกว่าตลิ่งอยู่ในระดับที่ทรงตัว ประมาณ 2 เมตร และจุดที่2 บริเวณแม่น้ำบางนรา ซึ่งมีจุดศูนย์กลางอยู่ในพื้นที่ อ.ระแงะ น้ำได้ไหลทะลักเพื่อระบายลงสู่ปากอ่าว ส่งผลทำให้พื้นที่ ต.มะนังตายอ อ.เมืองนราธิวาส เริ่มมีปริมาณน้ำท่วมขังบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตร รวมทั้งถนนสายหลักและสายรอง มีระดับน้ำท่วมขังสูงต่อเนื่อง แต่รถยนต์ทุกชนิดยังสามารถสัญจรไปมาได้
ด่านสุไหงโกลกปิดต่อเนื่องวันที่3
ส่วนที่ด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย ด้าน อ.สุไหงโก-ลก ทางประเทศมาเลเซียยังคงปิดด่านพรมแดนเป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองสุไหงโก-ลก ต้องนำป้ายประกาศซึ่งเขียนเป็นข้อความภาษาไทยและภาษารูมี มาติดไว้ที่บริเวณประตูทางเข้าพรมแดนมาเลเซีย เนื่องจากในแต่ละวันมีประชาชนเดินทางมาใช้บริการข้ามพรมแดนด้าน อ.สุไหงโก-ลก เป็นจำนวนมาก และต้องผิดหวังกลับไปใช้ด่านพรมแดนด้าน อ.ตากใบ เพื่อเดินทางเข้าประเทศมาเลเซีย
สำหรับแนวโน้มสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ จ.นราธิวาส ในครั้งนี้ มีท่าทีว่าน้ำจะท่วมอีกละลอกในช่วง 1-2 วันที่จะถึงนี้ เนื่องจากฝนได้กลับมาตกลงอีกครั้ง
กองทัพเรือส่งกำลังพลช่วยชาวบ้าน
ทางด้าน น.อ.นภดล ฐิตวัฒนะสกุล ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กำลังพลในสังกัดลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ใน 4 อำเภอของ จ.นราธิวาส ได้แก่ อ.เมือง อ.ยี่งอ อ.บาเจาะ และ อ.ตากใบ มีการแจกจ่ายถุงยังชีพพระราชทาน การขนย้ายคนและสิ่งของไปยังพื้นที่ปลอดภัย พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือด้านต่างๆ นอกจากนี้ อ.ตากใบ ได้ร่วมกับ อบต.นานาค เปิดครัวปรุงอาหารเพื่อแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย พร้อมฝากพี่น้องติดตามพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
ปัตตานีหนัก- เด็กดับแล้ว1ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสภาพฝน ฟ้า อากาศ ที่ จ.ปัตตานี ในวันเดียวกันนี้ ได้เกิดฝนตกหนัก ประกอบกับมวลน้ำจาก จ.ยะลาได้ไหลบ่าลงสู่พื้นที่ จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นพื้นที่ปลายน้ำตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ริมแม่น้ำปัตตานี คือ อ.ยะรัง อ.หนองจิก อ.เมือง โดยเฉพาะ เขตเทศบาลเมืองปัตตานี ต.จะบังติกอ, ต.สะบารัง น้ำได้ล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนราษฎร ระดับน้ำสูง 1 เมตร เป็นวันแรก จากเหตุที่ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น และมีเด็กเสียชีวิตแล้ว 1 คน ทางจังหวัดจึงประกาศในเขตอำเภอเมืองปัตตานี เป็นพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมแล้ว
หลายตำบลในที่ลุ่มต้องใช้เรือ
ส่วนพื้นที่ราบลุ่มซึ่งเดิมมีน้ำท่วมขังอยู่แล้ว ปริมาณน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นเป็น 2 เมตรที่ ต.ปะกาฮารัง, ต.บาราเฮาะ ต.ตะลูโบ๊ะ บ้านเรือนราษฎรต้องจมอยู่ในน้ำ ได้รับความเดือดร้อนว่าพันครัวเรือน ถนนเข้าหมู่บ้านจมอยู่ใต้น้ำ รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปมาได้ ชาวบ้านต้องใช้เรืออย่างเดียวในการสัญจรไปมา
ระดมกำลังจนท.ช่วยอพยพ
ขณะเดียวกัน พอ.ฐนิตพนธ์ พงษ์วิไล ผบ. ฉก.ปัตตานี 23 ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่สาธารณสุข กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เข้าไปช่วยเหลือชาวบ้าน ที่ ม.2 บ้านจางา ต.ปะกาฮารัง อ.เมือง หลังทราบว่าระดับน้ำสูง 2 เมตร มีบ้านจมอยู่ในน้ำ ไม่สามารถอยู่ได้ ประมาณ 20 หลังคาเรือน โดยเจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันขนย้ายอพยพชาวบ้านที่ประสงค์ไปอยู่ที่บ้านญาติ จำนวน 10 ครัวเรือน ส่วนสิ่งของเสียหายหมด ส่วนชาวบ้านอื่นๆเกือบพันหลังคาเรือน ยังสามารถอยู่ได้ ประสงค์ที่จะอยู่เพราะกลัวทรัพย์สินหาย อย่างไรก็ตาม ทางทหาร ได้นำเครื่องอุปโภค บริโภค และของใช้ที่จำเป็นไปแจกจ่ายบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นแล้ว
พบศพทหารผู้เสียสละ
เย็นวันเดียวกัน ได้มีชาวบ้านแจ้งไปยังศูนย์สื่อสารที่ว่า อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ว่าพบศพ จ.ส.อ.ชาญณรงค์ มะลิชื่น เจ้าหน้าที่ทหารสังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1914 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 36 ที่นั่งเรือท้องแบนร่วมกับเพื่อนทหาร ไปช่วยอพยพชาวบ้านชุมชนหัวสะพาน เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลกหนีระดับน้ำท่วมขัง แต่ได้เกิดเรือล่มจากกระแสน้ำของแม่น้ำสุไหงโก-ลก ที่เชี่ยวกลาก พัดเรือไปกระแทกกับสะพานเหล็กของรถไฟที่สร้างข้ามแม่น้ำสุไหงโก-ลก หายไปกับกระแสน้ำ เมื่อช่วงดึกของวันที่ 17 ธ.ค. 57 ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ได้ขอสนับสนุนนักประดาน้ำจากหน่วยเฉพาะนาวิกโยธิน มาทำการค้นหาแต่ยังไม่พบจึงได้ยกเลิกภารกิจไป
ล่าสุดชาวบ้านได้พบศพ จ.ส.อ.ชาญณรงค์ โผล่ติดกิ่งไม้ที่บริเวณริมตลิ่งของแม่น้ำสุไหงโก-ลก ช่วงบริเวณบ้านมือบา ม.4 ต.ปาเสมัส ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 6ก.ม. เจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่มูลนิธิธารน้ำใจสุไหงโก-ลก ได้นำเครื่องท้องแบนไปตรวจสอบ และพบศพ จ.ส.อ.ชาญณรงค์ จึงได้นำศพขึ้นเรือร่องไปตามลำน้ำ โดยมอบศพให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องบริเวณริมตลิ่งในฐานของชุดคุ้มครองตำบลมูโน๊ะ อ.สุไหงโก-ลก เพื่อนำไปให้แพทย์ทำการชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่ผู้บังคับบัญชาจะได้ประสานญาติมารับศพ จ.ส.อ.ชาญณรงค์ ไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี
ซึ่งการเสียชีวิตของ จ.ส.อ.ชาญณรงค์ เป็นที่กล่าวขวัญของประชาชน และให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง ที่เสียสละให้การช่วยเหลือประชาชนในยามทุกข์ และต้องมาเสียชีวิตไปแบบน่าใจหาย โดยมีประชาชนเป็นจำนวนมาก เดินทางมาดูศพของ จ.ส.อ.ชาญณรงค์ ที่นำขึ้นฝั่งท่ามกลางความเศร้าสลด
สุรินทร์หนาวจัด-ต้องก่อไฟผิง
ส่วนที่ จ.สุรินทร์ นายนิรันดร์ บุญสิงห์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) สุรินทร์ เปิดเผยว่า จากสภาพอากาศที่หนาวเย็นและมีลมกรรโชกแรงเป็นระยะทั้งในช่วงกลางวันและกลางคืน ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ต่างๆโดยเฉพาะในชนบท ต่างพากันออกมาก่อไฟผิงเพื่อคลายความหนาวเย็นในขณะนี้ ทั้งในช่วงหัวค่ำก่อนนอนและช่วงเช้ามืดก่อนออกไปทำงาน ขณะที่ในช่วงเช้าประชาชนและเด็กนักเรียนที่ต้องเดินทางออกไปทำงานและไปโรงเรียน ต่างต้องหาเสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มกันหนาวมาสวมใส่กันอย่างหนาแน่น เพื่อป้องกันอากาศที่หนาวเย็นในขณะนี้
2.4แสนรายขาดเครื่องนุ่งห่มสู้หนาว
เบื้องต้น ทาง จ.สุรินทร์ได้เร่งสำรวจความต้องการเครื่องนุ่งห่มกันหนาวของประชาชนทั้ง 17 อำเภอ พบว่า ประชาชน กว่า 240,000 คน ยังคงขาดแคลนเครื่องนุ่งห่มกันหนาว และหากท่านใดมีความประสงค์บริจาคเครื่องกันหนาว สามารถติดต่อบริจาคได้ที่ ปภ.สุรินทร์ ทุกวันในเวลาราชการ
“ดอยอินทนนท์”เหลือ0องศา
วันเดียวกัน นายพรเทพ เจริญสืบสกุล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ แจ้งว่า อุณหภูมิช่วงเช้าที่ยอดดอยอินทนนท์ ลดลงเหลือ 0 องศาเซลเซียส ครั้งแรกในรอบปี ส่วนอุณหภูมิทั่วไปวัดได้ 5 องศาเซลเซียส และบนยอดดอยได้เกิดเหมยขาบ หรือแม่คะนิ้ง ทั้งบริเวณยอดดอยและจุดชมวิวกิ่วแม่ปาน สามารถมองเห็นทิวทัศน์ทะเลหมอก สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินทางขึ้นไปสัมผัสความหนาวเย็นเป็นอย่างมาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี