ในหลวงทรงชื่นชมช้างศึก
รับสั่ง“เยี่ยม”
คว้าแชมป์ให้ประเทศไทย
แพทย์เผยทรงตั้งใจให้กำลังใจ
แย้มพระสรวลเห็นผลแข่งขัน
“ซิโก้”นำทัพรุดถวายพระพร
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ศาลาศิริราช 100 ปี โรงพยาบาลศิริราช เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 22 ธันวาคม ได้มีบุคคลสำคัญ และคณะบุคคลจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ครู อาจารย์ นักเรียน นิสิต นักศึกษา รวมถึงประชาชนทั่วไปทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด พร้อมใจนำพานพุ่มดอกไม้ แจกันดอกไม้ พวงมาลัย และสิ่งของต่างๆ มาทูลเกล้าฯ ถวาย ด้วยความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พร้อมลงนามถวายพระพรอย่างต่อเนื่อง อาทิ ชมรมลูกเสือชาวบ้าน จ.สุรินทร์, กลุ่มชาวนา โครงการพระราชดำริ บ้านปากน้ำ ต.ปลายพระยา จ.กระบี่, คณะ อบต.บึงพระ จ.พิษณุโลก, คณะผู้บริหารบริษัทเอนเนอร์จี้ รีฟอร์ม จำกัด, ชมรมอาสาสมัครปกป้องสถาบัน ต.นครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เป็นต้น
ส่วนในเวลา 10.00 น. นายเกษม จริยวัฒน์วงศ์ ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทย พร้อมด้วย “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย นำนักฟุตบอลชุดคว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 ที่ประเทศมาเลเซีย ร่วมทูลเกล้าฯ ถวายแจกันดอกไม้ พร้อมลงนามถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้ทรงมีพระพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ยิ่งๆ ขึ้นไป
ด้านซิโก้ กล่าวว่า รู้สึกสุดยอดและดีใจเป็นอย่างมากที่สามารถคว้าชัยมาให้ชาวไทยได้ และได้พาทีมนักฟุตบอลนำแจกันดอกไม้มาทูลเกล้าฯถวาย พร้อมลงนามถวายพระพรในหลวงในวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีประชาชนเดินทางมารอต้อนรับนักฟุตบอลทีมชาติไทยกันเป็นจำนวนมาก และกรูเข้ามาขอถ่ายภาพเป็นที่ระลึก และส่งเสียงเรียกชื่อนักฟุตบอลที่ตนเองชื่นชอบ จนทำให้ไม่สามารถทูลเกล้าฯ ถวายแจกันดอกไม้ได้ จึงต้องเชิญคณะลงไปเริ่มแถวที่ลานพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก แล้วตำรวจมาอำนวยความสะดวกในการทยอยเดินขึ้นมายังศาลาศิริราช 100 ปี เพื่อทูลเกล้าถวายแจกันดอกไม้พร้อมลงนามถวายพระพร
ขณะที่ ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล กล่าวว่า จากการที่ทุกคนทราบข่าวว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงให้รองราชเลขาธิการ โทรศัพท์ไปแสดงความห่วงใยทีมชาติไทยที่ลงแข่งขันกับมาเลเซียนั้น ขอยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งคณะแพทย์ได้กราบบังคมทูลเมื่อช่วงเช้าในวันที่มีการแข่งขันว่า จะมีการแข่งขันในเวลา 19.00 น. พระองค์ท่านก็ทรงตั้งพระราชหฤทัยที่จะทอดพระเนตรเป็นอย่างมาก หลังจากที่ทรงตื่นจากบรรทม ได้มีรับสั่งให้พยาบาลผู้ถวายงานเปิดทีวีเพื่อติดตามการถ่ายทอดสด
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตั้งพระราชหฤทัยในการทอดพระเนตรทีมชาติไทยมาโดยตลอด ทั้งในนัดที่ทีมไทยแข่งกับมาเลเซียในประเทศไทย รวมถึงครั้งที่ทีมชาติไทยไปแข่งขันชิงแชมป์ที่มาเลเซีย พอในช่วงพักครึ่งที่ทีมชาติไทยตามมาเลเซียอยู่ 0-2 นั้น ท่านทรงห่วงใยทีมนักฟุตบอลไทย จึงมีรับสั่งให้ตาม นายวุฒิ สุมิตร รองราชเลขาธิการมาเข้าเฝ้าฯ โดยมีพระราชประสงค์ให้โทรศัพท์ไปหาผู้จัดการทีมชาติไทยที่มาเลเซียว่า เราดูอยู่ และขอส่งกำลังใจไปให้ เป็นสิ่งที่แสดงถึงความห่วงใยของพระองค์อย่างแท้จริง ซึ่งถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทำให้ทีมชาติไทยคว้าชัยชนะมาได้ในครั้งนี้” ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าว
ส่วนกรณีที่ผู้จัดการทีมชาติไทยแจ้งว่าอยากจะนำถ้วยรางวัลดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็ขอให้ทางสมาคมฟุตบอลทำเรื่องกราบบังคมทูล ผ่านทางราชเลขาธิการ เพื่อขอพระราชทานเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายถ้วยรางวัล แล้วก็รอว่าจะทรงโปรดเกล้าฯ ให้เข้าเฝ้าฯ ได้เมื่อไหร่
“เมื่อทีมชาติไทยสามารถคว้าแชมป์ครั้งนี้ได้ พระองค์ทรงนั่งเงียบๆ และทรงแย้มพระสรวล(ยิ้ม) พร้อมตรัสสั้นๆ ว่า เยี่ยม” ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าวและว่า สำหรับพระอาการประชวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นั้น ขณะนี้ก็ดีเหมือนเดิม พระกำลังก็ค่อยๆ ดีขึ้น ซึ่งต้องใช้เวลา
วันเดียวกัน สำนักพระราชวัง แจ้งว่า ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2557 - 4 มกราคม 2558 จะงดการลงนามถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ศาลาศิริราช 100 ปี รพ.ศิริราช โดยจะเปิดให้ลงนามถวายพระพรได้ที่ศาลาสหทัย สมาคม ในพระบรมหาราชวัง วันที่ 1 มกราคม 2558 ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี