สัปดาห์แรกของการทำงานในปีแพะทอง 2558 ต้องบอกว่าระทึกตั้งแต่วันแรกของการทำงาน ทั้งตัวข้าราชการระดับสูงพร้อมทั้งท่านรัฐมนตรี ปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา และปลัดกระทรวงเกษตรฯ ชวลิต ชูขจร แม้ว่าวันแรกของปีใหม่ท่านปีติพงศ์ จะนำพาข้าราชการทำบุญตักบาตรรับสิ่งใหม่ๆ ในวันแรกของการทำงานปีแพะทอง เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย ตามติดด้วยการเรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการทั้งกรม เพื่อทบทวน และติดตามงานที่สั่งไป ว่ามีความเข้าใจและคืบหน้ามากน้อยขนาดไหน
แม้ไม่มีปลัดกระทรวงเกษตรฯ ที่ต้องไปตรวจเยี่ยมราชการในโครงการหลวงที่ดอยอ่างขาง จ.แม่ฮ่องสอน ที่หวิดเฮลิคอปเตอร์ตก จากสาเหตุเครื่องขัดข้องต้องเอาเครื่องลงจอดฉุกเฉินรอดมาหวุดหวิด อย่างระทึก แต่สิ่งที่ระทึกไม่แพ้กันในกระทรวงฯ คือ เรื่องที่ติดตามเพราะแว่วว่ารัฐมนตรีขีดเส้นตายไว้ที่ 3 เดือนซึ่งที่ติดตามก็หนีไม่พ้นเรื่องเดิมๆ ที่สั่งการไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงานในเชิงรุก ด้านแก้ปัญหาสินค้าเกษตรฯ โดยเฉพาะเรื่องราคายาง ข้าวและเล่ามาถึงเรื่องปัญหาที่ดินทำกิน การปรับโครงสร้างการผลิตสินค้าเกษตรฯ จนสุดท้ายว่าด้วยเรื่องเอาใจนายกรัฐมนตรีที่จะทำตลาดกล้วยไม้ ที่ทำเนียบรัฐบาล งานนี้ก็ไม่ทราบที่มาที่ไปอย่างไรแต่ที่แน่ๆ เรื่องนี้เคยมีมานานโขที่จะให้ไทยเป็นประเทศตลาดกลางกล้วยไม้ ที่ว่ากันว่า ตั้งแต่สมัยที่ท่าน “ปีติพงศ์” ยังคงนั่งในตำแหน่งปลัดกระทรวงฯ และจบลงพร้อมกับการจากไป ก่อนที่จะเข้ามานั่งในตำแหน่ง รมว. เกษตรฯ
ก่อนที่ลิ่วล้อรัฐมนตรีที่อ้างตัวว่าเป็นคนกล้า เพราะท่านรัฐมนตรีมอบอำนาจหน้าที่ให้เป็นที่ปรึกษา ตามคำสั่งที่เคยเล่าไปแล้วก่อนหน้านี้ จะลุกขึ้นจวกอธิบดีที่ตนกำกับ แล้วไม่ได้ดังใจ จนท้ายที่สุดอธิบดีหลายคนทนไม่ไหว ต้องลุกขึ้นชี้แจงเหตุผลกลางที่ประชุม ที่เป็นปฐมบท ส่งผลให้เกิดปัญหางานด้านการพัฒนาการเกษตรฯ ไม่เดินหน้า แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ท่านๆ พูดเรื่องที่ค้างคาในใจทั้งหมด แม้จะมีหลายเรื่องที่อัดอั้นตันใจอยากระระบาย ให้รัฐมนตรี ที่บอกว่า“ผมมาจากคนไม่มีต้นทุน” มาทำงานเพื่อประเทศชาติได้ฟังก่อนที่ท่านๆ อธิบดี จะถูกคนที่เป็นลิ่วล้อที่เสนอให้รัฐมนตรีเชือดไก่ให้ลิงดู โดยปรับออกจากเก้าอี้หากไม่มีอะไรคืบหน้าแต่ยังไม่ทันเชือดใคร ก็มีคนประสงค์ยื่นใบลาออกหลังที่ประชุม นั่นคือ “วีระชัย นาควิบูลย์วงศ์” เลขาธิการฯ ส.ป.ก. ที่ดูแลเรื่องปัญหาที่ดินทำกิน และถูกถากถางว่าพาคน ส.ป.ก. ถึงยุคต่ำสุด ในเรื่องการทำงานแก้ปัญหาที่ดิน
ถึงวันนี้ จากเรื่องในที่ประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ 5 มกราคม ที่ผ่านมา ของข้าราชการระดับสูง ที่มีคนพูดหวังเอาใจนาย ไม่ใช่เรื่องดี เพราะวันนี้เป็นการเริ่มต้นของความขัดแย้งในเรื่องการทำงานเสียแล้ว ถึงแม้ในที่ประชุมหลายคนอาจไม่อยากอ้าปากแจง แต่ทุกคนสรุปตรงกันในเรื่องที่อยากจะบอกกับรัฐมนตรีเรื่องของการถูกล้วงลูกจากที่ปรึกษาของรัฐมนตรีบางคนจนส่งผลให้งานป่วนทั้งระบบ ไล่ไปตั้งแต่การแต่งตั้งโยกย้าย จนมีคำพูดออกมาจากข้าราชการหลายคนว่า “นึกว่าจะดี สุดท้ายก็เข้าอีหลอบเดิมเพียงแต่เปลี่ยน คนมาตั้งโต๊ะ” จากนักการเมืองเป็นอดีตข้าราชการ เพราะดูคนที่ถูกแต่งตั้งมานั่งระดับ10 ล่าสุดล้วนมีที่มา และต้องติดตามจากนี้ไป อีกไม่นานคงได้เห็นว่า ใครจะได้ไปนั่งเก้าอี้เลขาธิการ ส.ป.ก. แทน ท่าน “วีระชัย” เดี๋ยวได้ร้องอ๋อกันดังทั้งกระทรวง เพราะแว่วว่า การที่ลงจากตำแหน่ง เลขา ส.ป.ก. มันน่าจะมีที่มาเพราะมีนักลงทุนใหญ่แอบวิ่งเต้นขอทำสัมปทานเหมืองทองคำในพื้นที่ ส.ป.ก.ผ่านคนในกระทรวง แถมยังมีเรื่องที่จะให้มีการออกโฉนดในพื้นที่ส.ป.ก.
ถึงวันนี้ ต้องบอกว่าเรื่องที่ท่านรัฐมนตรี จะต้องสางปัญหาก่อนเรื่องอื่น มันคงหนีไม่พ้น ปัญหาลิ่วล้อข้างกาย ที่เข้าไปล้วงลูก เพราะแว่วจากท่านๆ อธิบดีหลายคนผ่านสายลมมาว่าปัญหาที่งานไม่คืบไม่ใช่เราโง่ไม่เข้าใจนโยบายรัฐมนตรี แต่มันเกิดปัญหาจากไม่รู้จะฟังใคร เพราะใหญ่กันคับกระทรวงฯ ไม่ฟังก็ฟ้อง แล้วจะไปร้องและบอกกับใครเพราะคนที่ว่ามาจากการให้อำนาจจากรัฐมนตรีทั้งนั้น งานนี้เอาอย่างไรล่ะทีนี้ท่านรัฐมนตรี
ข้าวประดับดิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี