เปิดสัญญาขายยางให้จีน
‘ชสยท.’จี้รบ.
เชื่อซุกเงื่อนงำ-ราคาดิ่งเหว
นัดถกด่วนแก้ปัญหา30มค.
เมื่อวันที่ 25 มกราคม นายเพิก เลิศวังพง อดีตประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางพาราแห่งประเทศไทย จำกัด (ชสยท.) เปิดเผยว่า กรณีมีข่าวว่า มีเงื่อนงำในสัญญาซื้อขายยางให้เอกชนจีน ช่วงเดือน พฤศจิกายน2557ที่ผ่านมาและทำให้ราคายางตกต่ำต่อเนื่องนั้น ล่าสุด จากการตรวจสอบพบว่า มีราคารับซื้อในส่วนยางแผ่นรมควันที่ 40บาทต่อกิโลกรัม เรื่องดังกล่าวตนขอ เรียกร้องให้ทางรัฐบาลเปิดเผยสัญญาในกรซื้อที่แท้จริงให้กับสังคมได้รับทราบว่า ข้อเท็จจริงคืออะไร เพราะยางในสต๊อกหากมีการทำสัญญาซื้อขายตามที่แจ้งว่า มีการขายยางที่63.56บาท ราคายางน่าจะมีการขยับสตัวสูงขึ้น จึงคิดว่าน่าจะมีเงื่อนงำที่มีสัญญารับซื้อที่ต่ำกว่าราคาที่อ้างมาโดยตลอด
ทั้งนี้ ในส่วนของยางที่มีการผลิตทั่วโลกเท่าที่ทราบ มีกำลังการผลิตเพียง 13ล้านตัน โดยในส่วนประเทศไทย มีการผลิตยางมากที่สุด คือ 4ล้านตันต่อปี คิดเป็นร้อยละ40ของจำนวนยางทั้งหมดและแต่ละปีความต้องการใช้ยางพารามีไม่ต่ำกว่าปีละ13ตัน ซึ่งผลผลิตและความต้องการใช้ ถือว่าสมดุลย์ โดยในสัดส่วนความต้องการใช้ยางสังเคราะห์ร้อยละ60และยังมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ยางธรรมชาติ ร้อยละ40 คือ13 ล้านตัน ซึ่งแม้ราคาน้ำมันในตลาดโลกจะตกต่ำขนาดไหนราคายางไม่น่าจะตกต่ำเหมือนปัจจุบัน เพราะยังจำเป็นต้องใช้ยางธรรมชาติเป็นส่วนผสมทำผลิตภัณ์ยางที่จำเป็น เช่น ยางรถยนต์ เครื่องมือ แพทย์และอื่นๆและไม่สามารถใช้ยางสังเคราะห์ทดแทนได้
“ผมอยากเรียกร้องให้รัฐฐบาลเปิดเผยสัญญา เพราะตอนนี้ราคายางมันตกต่ำมาก อย่ามาบอกว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกต่ำแล้วราคายางจะตกต่ำลงไปด้วยทั้งหมด ผมว่าไม่จริง ถามว่า ล้อยางใช้ยางสังเคราะห์แทนได้ไหม ตอนนี้เราเอายาง 2.1สนตัน ที่เราบอกว่า ทำสัญญาส่งออก ไปผูกคอตัวเองทำให้ราคาตกต่ำลง ลองเปิดเผยมาว่า สัญญาที่ไปทำขายราคาเท่าไหร่ ทำไมถึงไม่มีใครกล้าซื้อยางในตลาด ตอนนี้ผมว่าส่วนหนึ่งก็น่าจะเขารู้ว่า เราขายยางถูก แล้วในตลาดเราใครจะกล้ารับซื้อกับเกษตรกรถึงซื้อก็ราคาถูก การที่จะให้กลุ่มเกษตรกซื้อซื้อแล้วขาดทุน ใครเขาจะเอา วันนี้ไม่มีใครโง่ เขารู้กันหมดว่า เป็นอย่างไร คุณอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรฯ บอกมาสิ ถึงวันนี้ราคายางตกต่ำ ราคายางรถยนต์มันต่ำลงจากราคาที่เกษตรกรขายยางได้กิโลกรัมละร้อยกว่าบาทไหม ต่ำลงไหม มีแต่ราคามันสูงอีกร้อยละ15ด้วยซ้ำไป แล้วจะมาบอกว่า ช่วยเหลือเกษตรกรแล้วช่วยตรงไหน ต้องบอกวความจริงเปิดเผยมาว่า ขายให้จีนเท่าไหร่ แล้วมียางในสต๊อก เท่าไหร่ เขากลุ่มเกษตรกรถ้าเขาต้องซื้อ เขาจะได้บริหารความเสี่ยงเขาได้ แล้วขายถูก แล้วจะขอให้คนอื่นซื้อสูงมันถูกที่ไหน ต้องเปิดเผยกันออกมา ให้สังคมได้ทราบอย่ามาอ้าง“นายเพิก กล่าว
นายเพิก กล่าวด้วยว่า ส่วนตนคิดดว่าสัญญาในการซื้อขายที่รัฐบาลน่าจะมีการเอื้อให้กับเอกชนและราคาน่าจะต่ำกว่าที่แจ้งให้กับสังคมได้รับทราบที่ 63.56บาท เพราะเท่าที่ทราบมันมีเอกสารแนบท้ายสัญญาสอดไส้ไว้ให้ซื้อถูกลงอีก จึงทำให้เอกชนรอซื้อยางถูกจากรัฐบาลแทน ซึ่งจากนี้ไป กลุ่มผมจะประชุมตัวแทนเกษตรกร จริงๆว่าเราจะยอมไม่ได้แล้ว โดยวันที่ 30มกราคม จะประชุมกันที่ จ.ตรังและจะมีการจัดตั้งองค์กรเพื่อเคลื่อไหวปกป้องผลประโยชน์ให้เกษตรกรชาวสวนยาง ก่อนจะสรุปเรื่องที่เป็นปัญหาและนำไปสู่การพัฒนา ยางพาราไทย ให้เป็นระบบเสนอ ต่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอความเห็นให้ช่วยแก้ปัญหาให้กับชาวสวนยางอย่างตรงไปตรงมาและถูกต้อง โดยการหารือจะหารือเรื่องการเตรียมพร้อมเสนอข้อเท็จจริงให้กับ คสช.และสังคมได้รับทราบว่า ผลเสียของ พรบ.การยางที่จะมีขึ้นเป็นอย่างไรและและเอื้อประโยชน์ให้กับใคร รวมทั้งการคัดค้านการแต่งตั้งสมัชาสถาบันชาวสวนยางแห่งประเทศไทย เพราะตัวแทนที่ไปนั่งในสมัชชา ไม่ใช่ตัวแทนเกษตรกรชาวนสวนยางตัวจริง ซึ่งตัวแทนชาวสวนยางและเป็นเกษตรกรชาวสวนยางจริงที่เป็นองค์กร ที่ได้รับการรับรองมีเพียง ชสยท.แต่กลับไม่มีตัวแทนไปนั่งในสมัชชาแม้แต่คนเดียว ซึ่งถือว่าแปลกมาก
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบในส่วนตัวแทนสมัชชาชาวสวนยางฯตนยืนยันว่า ล้วนแต่มีความไม่ชอบมาพากล เพราะทุกคนที่เข้าไปน่าจะเข้าไปร่วมกันทำให้ พรบ.การยางปกป้องผลประโชยน์ตนองมากว่าปกป้องผลประโยชน์เกษตรกร จึงจำเป็นต้องประชุมเสนอต่อ คสช.และอาจจะเสนอต่อ นายอำนวย ให้รับทราบด้วยว่า ทางแก้ไขน่าจะอยู่ตรงไหน เพราะหากเสนอรัฐบาลอย่างดียวเชื่อว่า ไม่มีประโยชน์ เพราะรัฐบบาลคงเชื่อ นายอำนวย คนเดียวเหมือนที่ผ่านมาและอยากถามรัฐบาลจนถึงขณะนี้นายอำนวย แก้ปัญหายางได้หรือยังและถูกทางหรือยัง เพราะก่อนหน้าที่จะเข้ามานั่งดูเรื่องยางในตำแหน่ง รมช. เกษตรฯก็เป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องยางและเป็นคนทำให้มีการสต๊อกยาง2.1ตันที่เป็นปัญหา ที่ผูกคอเกษตรกรไทยในขณะนี้และทำให้ราคายางตกต่ำ ด้วย
ด้าน นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อธิบดีกรมวิชาการเปิดเผยว่า เรื่องตรวจสอบคุณภาพยางที่มีการส่งออกนั้น เป็นเรื่องของกรมวิชาการจริง โดยที่ผ่านมาจากการตรวจสอบรับรองคุณภาพเท่าที่ตรวจสอบพบว่า เป็นยางพาราในส่วนของสถานียางขุนทะเลนั้น มีการส่งออกไปเพียง 377ตัน ซึ่งเท่าที่ทราบเป็นยาง ที่มีราสนิมและความชื้นที่ปรับเพียง 0.97สตางค์ ไม่ใช่ยางที่ไม่มีคุณภาพ ที่ต้องปรับคือ ปรับเป็นยางที่มีราสีขาวและความชื้นที่ต้องปรับลด 4.48บาท ขณะที่ทางบริษัทมองว่า เป็นยางคุณภาพต่ำ จึงเกิดข้อโต้แย้งกันขึ้นและอยู่ระหว่างการตกลง จึงไม่สามารถส่งออกได้
“เท่าที่ผมทราบ ไม่ใช่ยางที่คุณภาพต่ำ แต่เขาบอกว่าคุณภาพ ต่ำ ซึ่งเราได้โต้แย้งจึงส่งออกได้แค่ 3ร้อยกว่าตันตอนนี้ ก็กำลังดูกันอยู่ว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งต้องตกลงกันอีกครั้งส่วนเรื่องอื่นเราไม่ทราบจริงๆ ว่าเป็นอย่างไร เราดูเฉพาะเรื่อการรับรองคุณภาพ เมื่อเห็นว่ายาพาราในสต๊อก ของเรามีคุณภาพไม้ได้เสียหายมาซึ่งต้องรับรองว่าเกรดไหนก็คงจะเกรดนั้น แต่ก็ยอมรับว่า ยางพาราที่เก็บ มีทั้งมีคุณภาพ และ มีเสียหายบ้างบางส่วน โดยเราต้องรับรองคุณภาพตามจริง เมื่อเขาบอกว่า ต้องปรับลด ลงต่ำสุดจึงตกลงกันไม่ได้ ตอนนี้เท่าที่ผมทราบส่งออกไปเพียง3 ร้อยกว่าตันเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นไมทราบจริงๆ “นายอนันต์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี