จากการเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมเยียนพสกนิกรนับตั้งแต่ทรงขึ้นครองราชย์ทำให้ทรงตระหนักว่าการจัดการทรัพยากรน้ำและการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกและบริโภคอุปโภคเป็นงานที่มีความสำคัญและมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศในการช่วยให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกได้อย่างสมบูรณ์ตลอดปี ดั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงใฝ่พระราชหฤทัยเกี่ยวกับการจัดการพัฒนาแหล่งน้ำเป็นอย่างยิ่ง โดยมีพระราชดำริว่าน้ำคือปัจจัยสำคัญต่อมนุษย์และบรรดาสิ่งมีชีวิตอย่างถ่องแท้ ดังพระราชดำรัส ณ สวนจิตรลดา เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2529 ความตอนหนึ่งว่า
“หลักสำคัญว่าต้องมีน้ำบริโภค น้ำใช้ น้ำเพื่อการเพาะปลูก เพราะว่าชีวิตอยู่ที่นั่น ถ้ามีน้ำ คนอยู่ได้ ถ้าไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้า คนอยู่ได้ แต่ถ้าไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้”
ดังนั้น เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณยิ่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงมีต่อเกษตรกรไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงมีนโยบายจัดงานเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภายใต้กรอบแนวคิด “ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ปวงประชาถวายพ่อหลวงของแผ่นดิน” โดยเนื้อหาแสดงถึงการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าในมิติต่างๆ ของด้านการเกษตร
นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงวัตถุประสงค์และรายละเอียดในการจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา 5 ธันวาคม 2557 ในหัวข้อ “การใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ปวงประชาถวายพ่อของแผ่นดิน” ว่า เพื่อแสดงถึงพระอัจฉริยภาพด้านน้ำของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ เป็นเจ้าภาพหลักในการจัดงานเฉลิมพระเกียรติในแต่ละเดือนตลอดทั้งปี โดยเน้นกิจกรรมตามภารกิจของหน่วยงานหลักและกิจกรรมการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า และมีหน่วยงานอื่นๆ ร่วมจัดกิจกรรมและนิทรรศการในหัวข้อ “การใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า” กับหน่วยงานเจ้าภาพหลักทุกครั้ง
ทั้งนี้ ในเดือนมกราคม 2558 กรมส่งเสริมการเกษตร ได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพหลักในการจัด โดยเน้นให้เกษตรกรตระหนักในการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งการส่งเสริมเผยแพร่และกำหนดเทคโนโลยีการบริหารจัดการน้ำในการปลูกพืชชนิดต่างๆ แก่เกษตรกรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกษตรกรนำไปปรับใช้ในไร่นาของตนเองและสามารถใช้น้ำทุกหยดอย่างรู้คุณค่า โดยจะจัดงานเปิดตัวโครงการฯ ณ สำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1-9 ทั้งนี้ ในวันที่ 29 มกราคม 2558 จะมีจุดหลักที่สำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ต.ดอนเกาะคา อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน
โดยกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย การจัดนิทรรศการและการเสวนาให้ความรู้กับเกษตรกรเกี่ยวกับการใช้น้ำในการปลูกข้าวแก่เกษตรกรอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในเรื่องการหมุนเวียนน้ำไปใช้ประโยชน์ การกักน้ำเพื่อบรรเทาปัญหาน้ำเค็ม ปริมาตรน้ำที่จำเป็นและเหมาะสมกับการผลิตข้าว เป็นต้น ซึ่งจะมีการต่อยอดจากการดำเนินการทั้ง 9 เขต กระจายสู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร จำนวน 882 ศูนย์ ในพื้นที่ 77 จังหวัด เกษตรกรเป้าหมาย 88,200 คน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-กันยายน 2558 โดยเน้นการให้ความรู้กับเกษตรกรเกี่ยวกับการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพในการปลูกพืชชนิดต่างๆ ที่เหมาะสมและอยู่ในความต้องการของแต่ละชุมชน พร้อมทั้งจัดทำเอกสารวิชาการเกี่ยวกับการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าสำหรับใช้อบรมและแจกจ่ายให้เกษตรกร สามารถนำไปประยุกต์ให้สอดคล้องกับการดำเนินกิจกรรมของแต่ละศูนย์ฯ เช่น การใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าในไม้ผล พืชไร่ พืชผักข้าว เป็นต้น
นายชวลิตกล่าวด้วยว่า นอกจากกรมส่งเสริมการเกษตรแล้ว ยังมอบหมายให้แต่ละกรมเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรมด้วย อาทิ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เน้นให้ไปรณรงค์ให้เกษตรกร เยาวชน และประชาชนทั่วไปทำบัญชี เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ส่วนกรมประมงหันไปเน้นกิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาอาชีพโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะน้ำในเขื่อนน้อยและถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับเกษตรกรโครงการศูนย์เรียนรู้ด้านการประมง
ในขณะที่กรมปศุสัตว์ เน้นเข้าไปอบรมถ่ายทอดองค์ความรู้แก่ผู้ประกอบการด้านการปศุสัตว์ เรื่อง การใช้น้ำเพื่อการปศุสัตว์ อย่างประหยัดและรู้คุณค่า และอบรมอาสาพัฒนาปศุสัตว์ เพื่อสร้างแกนนำรณรงค์ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าและถ่ายทอดสู่เกษตรกรรายย่อย,
ส่วนกรมพัฒนาที่ดิน จะจัดเสวนาเรื่อง “วิกฤติของดินคือวิกฤติของชาติ” การประกวดหมอดินดีเด่นด้านการอนุรักษ์ดินและน้ำ โครงการป้องกันการเพิ่มเติมระดับน้ำใต้ดินเค็มบนพื้นที่รับน้ำ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายดินเค็ม ด้านกรมวิชาการเกษตร จะจัดกิจกรรมการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำเพื่อการผลิต มันสำปะหลัง อ้อย ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มังคุด มะม่วง ทุเรียน และลำไย ส่วนกรมส่งเสริมสหกรณ์ เน้นรณรงค์ให้สหกรณ์ภาคการเกษตรใช้น้ำตามศักยภาพของพื้นที่ การใช้น้ำในครัวเรือนเดือนละ 9 บาท เพื่อสร้างคุณค่าน้ำและสิ่งแวดล้อมสีเขียวรณรงค์สถาบันเกษตรกรไทย และกรมหม่อนไหม ฝึกอบรมถ่ายทอดความรู้เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำในระบบการผลิตหม่อนไหม เป็นต้น ซึ่งกระทรวงเกษตรฯจะรวมพลังทุกหน่วยงานภายใต้สังกัดเพื่อร่วมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียงและการเดินตามรอยพระองค์ท่านในการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
กระทรวงเกษตรฯ จึงขอเชิญพี่น้องเกษตรกร และประชาชนร่วมถวายความจงรักภักดี เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา 5 ธันวาคม 2557 เข้าอบรม ในหัวข้อ “การใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ปวงประชาถวายพ่อของแผ่นดิน” ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร จำนวน 882 ศูนย์ ในพื้นที่ 77 จังหวัดทั่วประเทศ ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี