26 ก.พ.58 ที่ห้องพิจารณา 806 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ. 2150/2553 คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายพงษ์ไพโรจน์ รัชตะทรัพย์ อายุ 70 ปี เจ้าของและผู้บริหารตลาดพงษ์เพชร จำเลยความผิดฐานปลอมและใช้ตั๋วเงินปลอม
คำฟ้องโจทก์ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.40 จำเลยในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท พงษ์เพชรแลนด์ จำกัด ได้ปลอมตั๋วสัญญาใช้เงิน (เช็ค) 4 ฉบับ เป็นเงิน 1,315 ล้านบาท จำเลยได้ปลอมลายมือชื่อบุคคลในครอบครัว รวม 6 คน ลงในช่องผู้รับรอง (อาวัล) ของตั๋วสัญญาใช้เงินทั้ง 4 ฉบับ เพื่อยินยอมและผูกพันในการใช้เงินให้แก่ธนาคาร มหานคร จำกัด (มหาชน) เพื่อให้ธนาคารฯ หรือผู้หนึ่งผู้ใดพบเห็นหลงเชื่อว่าตั๋วสัญญาทั้ง 4 ฉบับ เป็นตั๋วสัญญาที่แท้จริงที่ออกให้แก่ธนาคารฯ แล้วจำเลยได้นำตั๋วสัญญาใช้เงินไปเสนอขายต่อธนาคารฯ ซึ่งสร้างความเสียหายแก่ธนาคาร เหตุเกิดที่แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ และที่อื่นเกี่ยวพันกัน ต่อมาวันที่ 8 มิ.ย.52 พนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ได้แจ้งข้อหาดำเนินคดี ในชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับสารภาพในชั้นศาล
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาวันที่ 6 ก.ค.54 ว่าจำเลยกระทำผิดฐานใช้ตั๋วเงินปลอมให้จำคุก 6 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 3 ปี จำเลยยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 27 ส.ค.56 จำเลยฎีกา เพื่อขอให้ศาลฎีกา รอการลงโทษจำเลยด้วย
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า ที่จำเลยฎีกาขอให้ศาลลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษนั้น เห็นว่าจำเลยปลอมตั๋วเงิน 4 ฉบับ โดยปลอมลายเซ็นผู้เสียหายทั้งหมด 6 ราย มูลค่า 1,315 ล้านบาท เพื่อให้ธนาคาร มหานครฯ เข้าใจว่าเป็นตั๋วเงินจริงที่ผู้เสียหายเป็นผู้รับรอง (อาวัล) อีกทั้งจำเลยนำตั๋วเงินไปใช้โดยอ้างต่อพนักงานธนาคารฯ ว่าเป็นตั๋วเงินจริงที่มีผู้เสียหายลงชื่อรับรอง (อาวัล) จนหลงเชื่อยินยอมให้ปล่อยกู้ สร้างความเสียหายให้แก่ผู้เสียหายและสถาบันการเงิน การกระทำของจำเลยยังทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ มีพฤติการณ์อุกอาจ ร้ายแรงไม่เคารพกฎหมาย การที่จำเลยไม่เคยถูกจำคุก และเคยประกอบความดีบริจาคเงินและที่ดินให้กับรัฐบาล แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลเพียงพอที่จะให้ลดโทษจำคุกจำเลย
อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายได้แถลงไม่ติดใจเอาความ โดยจำเลยก็ให้การรับสารภาพ แสดงให้เห็นว่าจำเลยสำนึกผิด ฎีกาของจำเลยฟังขึ้นบางส่วน เห็นควรแก้โทษ ให้จำคุกจำเลย 2 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลยไว้ 1 ปี
ภายหลังฟังคำพิพากษาศาลฎีกา นายพงษ์ไพโรจน์ ไม่ได้แสดงอาการเคร่งเครียด ขณะที่ญาติทั้งลูกสาวลูกชายที่มาให้กำลังใจ ต่างมีสีหน้าวิตกกังวลเล็กน้อย เนื่องจากนายพงษ์ไพโรจน์มีอายุมาก โดยทั้งหมดได้สวมกอดให้กำลังใจนายพงษ์ไพโรจน์ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะคุมตัวไปรับโทษตามคำพิพากษาศาลฎีกาต่อไป
นายพงษ์ไพโรจน์ กล่าวสั้นๆ ว่า ร่างกายยังแข็งแรงดี แต่เดินไม่ค่อยไหว เพราะอายุมากแล้ว เบื้องต้นก็จะเตรียมขอพระราชทานอภัยโทษ โดยตนเคยจำคุกในคดีนี้มาแล้ว 70 วัน
ด้าน นายตรีชาติ อินทรคำ ทนายความ กล่าวว่า หากภายในปีนี้มีการพระราชทานอภัยโทษ ก็จะยื่นคำร้องขอพระราชทานอภัยโทษในกรณีผู้สูงอายุ เพราะจำเลยอายุ 70 ปีแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี