เคยสงสัยบ้างไหมว่า เด็กต่างด้าวที่ระหกระเหินตามพ่อแม่เข้ามาในประเทศไทย มีวิถีชีวิตอย่างไรในแดนสยาม มีหน่วยงานใดบ้างไหมที่ยื่นมือเข้าไปดูแลพวกเขา
เชื่อไหมว่าเด็กต่างด้าวเหล่านี้ ได้รับการดูแลจากสังคมไทยเพียงน้อยนิดหากเทียบกับเด็กไทย พวกเขาเหล่านี้ส่วนใหญ่จะอาศัยและใช้ชีวิตอยู่ตามไซต์คนงานก่อสร้าง ที่เต็มไปด้วยอันตรายสารพัดนานแรมปี ทำให้เสียโอกาสในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะ “การศึกษา”
แม้ในปัจจุบันกระทรวงศึกษาธิการ จะเปิดโอกาสให้เด็กต่างด้าว เข้าศึกษาในโรงเรียนของรัฐและเอกชน ตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยหลักฐานในการรับนักเรียน นักศึกษา เข้าเรียนในสถานศึกษา ที่ผ่านมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2548 แล้วก็ตาม
แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง เด็กต่างด้าวกลับไม่ได้รับสิทธิ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ กำหนดเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะปัญหาคือสถานศึกษาหลายแห่ง ปฏิเสธที่จะรับเด็กต่างด้าวเหล่านี้เข้าเรียนในสถานศึกษา โดยอ้างเหตุผลกันไปต่างๆ นานา
แสนสิริ จึงร่วมมือกับ องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย (UNICEF) และพันธมิตรธุรกิจ เปิดโครงการ “พื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก” ภายใต้แคมเปญชื่อ “THE GOOD SPACE” ด้วยการขยายความร่วมมือไปยังคู่ค้าในเครือ โดยในปี 2556 ได้ประกาศนโยบายไม่ใช้แรงงานเด็กในสถานก่อสร้าง และร่วมลงนามในบันทึกแนบท้ายสัญญาก่อนสร้าง ให้ยุติการใช้แรงงานเด็กทุกรูปแบบ และหากพบว่ามีคู่ค้าละเมิดสัญญา ก็มีสิทธิบอกเลิกสัญญาว่าจ้างในทุกกรณี
นอกจากนี้ แสนสิริ ยังได้จัดพื้นที่เพื่อสร้างโอกาสทางการเรียนรู้และเสริมสร้างพัฒนาการเบื้องต้นให้กับเด็ก รวมถึงเป็นพื้นที่ปลอดภัยจากอันตรายหรืออุบัติเหตุ ที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กในพื้นที่ก่อสร้าง โดยในปีนี้ แสนสิริ ได้ริเริ่มโครงการไปแล้ว 9 ไซต์ ในหลายจังหวัด อาทิ กรุงเทพฯ พัทยา อุดรธานี ขอนแก่น และเชียงใหม่ จากเป้าหมายที่วางไว้ 17 ไซต์งานก่อสร้าง
อภิชาติ จูตระกูล ประธานอำนวยการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก หรือ THE GOOD SPACE ว่า พื้นที่นี้มีไว้เพื่อให้เด็กในไซต์ก่อสร้างไม่ว่าจะสัญชาติใด มีสิทธิ์ได้ใช้ทำกิจกรรมที่จัดให้อย่างปลอดภัย และเป็นอีกหนึ่งวิธีปกป้องคุ้มครองเด็กจากการใช้แรงงานเด็กอีกด้วย
“โดยเฉลี่ยแล้ว งานก่อสร้างแล้วจะเสร็จใช้ระยะเวลา 1,300 วัน ระยะเวลานี้คืออายุขัยของ THE GOOD SPACE แต่ละแห่ง นั่นคือช่วงเวลาที่เด็กๆ จะสามารถเล่นและทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย ก่อนที่จะถูกรื้อทิ้งลงทุกครั้ง” อภิชาติ ระบุ
อภิชาติ จูตระกูล
อภิชาติ ยังกล่าวถึงปัญหาในอนาคตอันใกล้ ที่ประเทศไทยจะก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) อย่างเป็นทางการ แน่นอนว่า แรงงานต่างด้าวจะไหลทะลักเข้ามาสู่ประเทศไทย ส่งผลให้มีเด็กต่างด้าวพลัดถิ่น หรือเข้ามาเกิดบนผืนแผ่นดินไทยเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว
เรื่องที่เป็นกังวลคือ เด็กเหล่านี้จะได้รับสิทธิด้านการศึกษาเท่าเทียมเด็กไทยหรือไม่ เพราะอย่างในโครงการ THE GOOD SPACE เราก็พบปัญหาใหญ่ๆ อยู่สองเรื่องคือ เรื่องของสถานศึกษาหลายแห่ง มักบ่ายเบี่ยงที่จะรับเด็กเหล่านี้เข้าเรียนในสถาบัน และปัญหาที่สองคือการขาดแคลนทรัพยกรครู ที่จะเข้ามาสอนและดูแลเด็ก โดยเฉพาะที่กรุงเทพฯ เนื่องจากครูอาสาส่วนใหญ่มักเดินทางมาทำงานที่ชนบทมากกว่าอยู่ในเมือง
“ฉะนั้นจึงอยากขอความร่วมมือไปยังภาครัฐ ให้เข้ามาช่วยผลักดันให้เด็กๆ ได้เรียนหนังสือ เพื่อให้พวกเขามีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป ส่วนองค์กรไหน อยากนำแนวคิดนี้ไปต่อยอดทางเราก็มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นผลดีต่อองค์กรแล้ว ยังเป็นผลดีสำหรับเด็กด้วย” อภิชาติ กล่าว
พิชัย ราชภัณฑารี ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวถึงความสำคัญของพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ว่า ยังมีเด็กในประเทศไทยจำนวนมาก ที่ไม่ได้รับโอกาสในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย โดยเฉพาะเด็กต่างด้าวที่ต้องย้ายถิ่นฐานมากับครอบครัวที่เข้ามาทำงานในไซต์ก่อสร้าง ทำให้เด็กขาดโอกาสพัฒนาและเข้าถึงบริการต่างๆ
“ผมเชื่อว่าเด็กทุกคนต้องได้รับสิทธิด้านการศึกษา น่าดีใจ ที่มีเด็กหลายคนได้เข้ามาเรียนรู้ในพื้นที่ปลอดภัย และได้เข้าเรียนต่อในโรงเรียน” พิชัย กล่าวทิ้งท้าย
โครงการนี้ไม่อาจสมบูรณ์ได้ หากขาดมิตรแท้อย่าง “Kids Home” หรือกลุ่มอาสาสมัครชาวต่างชาติ ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยฝึกฝนทักษะการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับเด็กในไซต์งานก่อสร้าง ซึ่ง Kids Home เลือกที่จะเข้ามาที่จังหวัดเชียงใหม่เป็นที่แรก เนื่องจากพวกเขาเป็นเพียงกลุ่ม NGO กลุ่มเล็กๆ จึงไม่มีกำลังพอที่จะกระจายไปช่วยเหลือไซต์อื่นๆ ได้อย่างทั่วถึง
Mr.Julien Strens หนึ่งในอาสาสมัคร Kid Home กล่าวว่า “บางสถานที่ ที่เรามีก็อาจจะเป็นแค่โต๊ะตัวหนึ่ง หรือถ้าโชคดีก็อาจจะได้พื้นที่แบบนี้ ที่เหมาะสมกับการพัฒนาเด็กมากกว่า การมีพันธมิตร อย่างแสนสิริเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน และเป็นเรื่องที่ดีมากที่องค์กรภาคเอกชนช่วยกันสนับสนุนเรื่องนี้”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี