ชัดเจนแล้วว่า สถานการณ์ภัยแล้งในหลายพื้นที่ของประเทศไทยเวลานี้อยู่ในสถานะเกินระดับ “วิกฤติ” ไปแล้ว โดยบางพื้นที่ต้องประสบปัญหาถึงขั้นรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี ซึ่งแม้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพยายามอย่างยิ่งในการออกมาตรการเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา เช่น การขอความร่วมมือชาวนางดการปลูกข้าวนาปรัง หรือแม้กระทั่งการเตรียมรถน้ำออกให้การช่วยเหลือประชาชน
แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะต่อสู้กับความหนักหน่วงของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม แม้จะต้องเผชิญกับความแห้งแล้งแสนสาหัสสักปานใด แต่คนไทยทุกคนก็ยังมีความหวังอยู่เสมอว่าจะสามารถฝ่าฟันปัญหาไปได้โดยอาศัยพระบารมีจากแนวพระราชดำริ “ฝนหลวง” ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเอาไว้เพื่อช่วยเหลือพสกนิกร โดยปัจจุบันอยู่ในความรับผิดชอบของ “กรมฝนหลวงและการบินเกษตร” กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายวราวุธ ขันติยานันท์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวว่า ประเทศไทยประสบปัญหาขาดแคลนน้ำมาตั้งแต่ช่วงปลายฤดูฝนปี 2557 ส่งผลให้ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำต่างๆ อยู่ในเกณฑ์ต่ำ เพราะมีฝนตกลงมาน้อย ขณะเดียวกันยังต้องเผชิญกับปรากฏการณ์เอลนีโญ ทำให้เกิดภัยแล้งรุนแรงและก่อความเสียหายให้กับพื้นที่การเกษตรอย่างกว้างขวาง
ทั้งนี้ “กรมฝนหลวงและการบินเกษตร” ได้ดำเนินการแก้ปัญหาร่วมกับหน่วยงานต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง โดยขยายเวลาฤดูปฏิบัติการในปี 2557 จากเดิมที่ต้องสิ้นสุดในเดือนตุลาคมมาเป็นเดือนพฤศจิกายน เพื่อเร่งเติมน้ำในเขื่อนและแหล่งน้ำต่างๆ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถดำเนินการได้ ซึ่งจากการปฏิบัติการได้ผลค่อนข้างดี คือ สามารถทำให้เกิดฝนได้ทุกครั้งที่ขึ้นบินปฏิบัติการ แต่เนื่องจากสภาพอากาศที่มีความชื้นน้อยไม่เอื้อต่อการขึ้นบินปฏิบัติการได้อย่างต่อเนื่อง กระทั่งเข้าสู่ฤดูหนาวในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งสภาพอากาศไม่มีความชื้นมากพอที่จะก่อเมฆฝนขึ้นมาได้ จึงได้สิ้นสุดการปฏิบัติการ
อย่างไรก็ตาม กรมฝนหลวงฯยังมีการเตรียมความพร้อมสำหรับการช่วยเหลือประชาชนตลอดเวลา โดยหลังจากเสร็จสิ้นปฏิบัติการเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนแล้ว ทุกหน่วยกลับที่ตั้ง เราก็มีการซ่อมบำรุงเครื่องบิน ฝึกอบรมนักบิน นักวิชาการ และเตรียมความพร้อมของศูนย์ปฏิบัติการประจำภาคต่างๆ ให้สามารถขึ้นบินได้ทันทีที่ต้องออกปฏิบัติการ
วราวุธ ขันติยานันท์
นอกจากนี้ กรมฝนหลวงฯยังได้ตั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็วขึ้นซึ่งเป็นหน่วยเฉพาะกิจขึ้นมา 2 หน่วย ประจำอยู่ที่จ.พิษณุโลก และ จ.นครสวรรค์ เพื่อช่วงชิงสภาพอากาศขึ้นบินปฏิบัติการในจังหวะที่อากาศมีความชื้นเข้ามา หรือหากมีพื้นที่ไหนต้องการฝนและมีสภาพอากาศเหมาะสมก็สามารถส่งหน่วยเคลื่อนที่เร็วไปช่วยเหลือได้ทันที ก่อนที่จะมีการเปิดฤดูปฏิบัติการปกติอีกครั้งในเดือนมีนาคม 2558
นายวราวุธ กล่าวต่อว่า สำหรับแผนปฏิบัติการฝนหลวงประจำปี 2558 จะมีการส่งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทั้งหมดออกประจำปฏิบัติการตามภาคต่างๆ ประกอบด้วย ภาคเหนือหน่วยปฏิบัติการตั้งอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ พิษณุโลก และตาก ภาคกลาง จ.นครสวรรค์ ลพบุรี และกาญจนบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น นครราชสีมา และอุบลราชธานี ภาคตะวันออก จ.ระยอง จันทบุรีและสระแก้ว ภาคใต้ จ.ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) สุราษฎร์ธานี
โดยขณะนี้หน่วยปฏิบัติการทั้งหมด มีความพร้อมที่จะขึ้นบินแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้กับประชาชนได้ทันที!
“เรามีความพร้อมอย่างเต็มที่ ที่จะออกปฏิบัติการขึ้นบินเพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยขณะนี้เรามีเครื่องบินที่ส่งเข้าร่วมปฏิบัติการ 21 เครื่อง และกองทัพอากาศส่งมาช่วยเหลืออีก 28 เครื่อง ซึ่งเพียงพอสำหรับการขึ้นบินปฏิบัติการสร้างฝนหลวงในทั่วประเทศ ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติการทุกภาคก็ได้เตรียมอุปกรณ์ สารทำฝนหลวง รวมทั้งบุคลากรไว้อย่างพร้อมมูลเรียบร้อยแล้ว นอกจากนั้นแล้วกรมฝนหลวงฯ ยังเตรียมตั้งวอร์รูมขึ้นมาในส่วนกลาง เพื่อเป็นตัวประสานเชื่อมโยงปฏิบัติการของศูนย์ปฏิบัติการทั้ง 5 ภาค โดยข้อมูลข่าวสารต่างๆ จะถูกส่งมาที่ส่วนกลางเพื่อทำการประเมิน วิเคราะห์ และกำหนดเป็นนโยบายยุทธศาสตร์ ส่งให้หน่วยงานต่างๆ เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขหรือปรับเกณฑ์การขึ้นบิน เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้น”
อธิบดีกรมฝนหลวงฯ กล่าวต่อว่า กรมฝนหลวงฯเตรียมจัดพิธีเปิด “ยุทธการฝนหลวงกู้ภัยแล้ง” อย่างเป็นทางการในวันจันทร์ที่ 2 มีนาคม ณ สนามบินนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ โดยได้รับเกียรติจาก นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยผู้บริหารในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้แทนผู้บัญชาการเหล่าทัพ
ทั้งนี้ภายในงาน นอกจากจะมีพิธีทางศาสนา รวมทั้งการให้โอวาทเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานแล้วยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย เช่น การจัดนิทรรศการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การจัดแสดงการบินหมู่ของเครื่องบินชุดปฏิบัติการฝนหลวง การแสดงการโดดร่ม การตรวจแถวชุดปฏิบัติการฝนหลวง และอาสาสมัครฝนหลวง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่า จะได้รับการช่วยเหลือและดูแลอย่างเต็มความสามารถของเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครฝนหลวงทุกคน
โดยหลังจากเสร็จพิธีแล้ว ฝูงบินฝนหลวงจะถูกส่งไปประจำการและออกปฏิบัติการสร้างฝนหลวงสู้ภัยแล้งเพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศทันที!!
อธิบดีกรมฝนหลวงฯ ย้ำด้วยว่า ประเทศไทยยังต้องเผชิญกับปัญหาภัยแล้งต่อไปอีกอย่างน้อยประมาณ 2 เดือน ดังนั้นจึงอยากขอให้ประชาชนเตรียมพร้อมสำหรับการจัดหาอุปกรณ์หรือวิธีการเพื่อเก็บกักน้ำฝนทุกเม็ดที่จะตกลงมาต่อจากนี้ไปไว้สำหรับอุปโภค บริโภคให้ได้มากที่สุด
ที่สำคัญไม่ต้องห่วงว่า ฝนที่เกิดจากการทำฝนหลวงจะมีพิษภัยใดๆ เพราะกรมฝนหลวงฯมีนักวิชาการ นักวิจัย คอยติดตาม
ตรวจสอบคุณภาพของฝนที่ตกลงมาอย่างสม่ำเสมอ และไม่เคยตรวจพบว่า ฝนที่เกิดจากปฏิบัติการฝนหลวง จะมีสารพิษที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือสิ่งมีชีวิตเจือปนอยู่ ดังนั้นประชาชนจึงสามารถเก็บไว้ใช้สำหรับอุปโภคบริโภคได้อย่างสบายใจ
นี่คือความมั่นใจที่กรมฝนหลวงฯสามารถให้ความมั่นใจแก่ประชาชนในการต่อสู้ภัยแล้งไปด้วยกัน!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี