เชื่อเจ้าคณะตำบล!
ไพบูลย์งงมส.เมินประบัญชา
ยัน'ธัมมชโย'อาบัติปาราชิก
คนระนองฮือต้านธรรมกาย
ปปช.นัดถกใหญ่อังคารนี้
ยันยันมติถอด250อดีตส.ส.
ใช้อำนาจขัดรัฐธรรคมนูญ
ปมขัดแย้งในความเห็นกรณีพระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ต้องปาราชิกหรือไม่ ยังคงเป็นปัญหาถกเถียงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดนายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สปช. ออกมา
ตั้งข้อสังเกตว่าเพราะเหตุใดมหาเถรสมาคม(มส.) จึงเชื่อมติเจ้าคณะตำบลคลองสี่ มากกว่าพระบัญชาของสมเด็จสังฆราช
เมื่อวันที่ 1มีนาคม นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สปช. กล่าวว่า ในฐานะ สปช.ตนสนใจและสงสัยในมติของมหาเถรสมาคม(มส.) ที่เห็นตามคำสั่งเจ้าคณะตำบลคลองสี่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ที่ให้พระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไม่ต้องปาราชิก ประเด็นข้างต้นถือว่ามีปัญหา เพราะสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ในฐานะประมุขฝ่ายสงฆ์ และเป็นประธานของ มส.ได้ชี้ไปแล้วว่าพระธัมมชโย ต้องปาราชิก ซึ่งตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฯ พระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราชฯ มีผลบังคับ รวมทั้งสอดคล้องกับมติ มส.ในปี 2542 ดังนั้นการต้องปาราชิกของพระธัมมชโย มีผลทั้งทางพระธรรมวินัย และทางกฎหมาย
ส่อละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
“พระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราชฯ เปรียบเหมือนคำสั่งของนายกรัฐมนตรี แต่กลับไปเอาคำสั่งเจ้าคณะตำบล ซึ่งเปรียบเหมือนคำสั่งนายอำเภอมายกเลิกคำสั่งของนายกฯ แบบนี้ถือว่า มส.เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ รวมทั้งฝ่าฝืนคำสั่งของสมเด็จพระสังฆราชฯ หรือไม่ และหากผู้ใดรับรองและปฏิบัติตามคำสั่งที่มิชอบตามกฎหมาย ถือว่าเข้าข่ายร่วมกันกระทำความผิด สังคมต้องช่วยกันพิจารณาและตรวจสอบในเรื่องนี้” นายไพบูลย์ กล่าว
ยันลุยสางปม“ธัมมชโย”ต่อ
นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีเครือข่ายพระธรรมทูต และกลุ่มชาวพุทธไทยในยุโรปและสหราชอาณาจักร ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งยุบคณะกรรมการปฏิรูปศาสนา สปช. และสั่งให้ยุติข่มขู่คุกคามสถาบันพระศาสนาและ มส. ถือเป็นสิทธิของเครือข่ายฯที่จะแสดงความไม่เห็นด้วย รวมทั้งวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของตน ซึ่งไม่มีปัญหา ตนและคณะกรรมการปฏิรูปศาสนา สปช.พร้อมรับการตรวจสอบเช่นเดียวกัน เพราะตนเป็น สปช.เปรียบเสมือนเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่อย่ามาขัดขวางและก้าวล่วงสิทธิในการแสดงความคิดเห็น รวมทั้งการทำหน้าที่ตรวจสอบของตน ขอให้ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่
สงฆ์รุ่นใหม่พร้อมต้านทุกรูปแบบ
วันเดียวกัน มีกลุ่มที่อ้างชื่อว่า “องค์กรสงฆ์รุ่นใหม่ ปกป้องสังฆมณฑล” ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง ให้ยุติการคุกคามพระพุทธศาสนาและ มส. ฉบับที่ 2 มีใจความสรุปว่า ตามที่องค์กรสงฆ์รุ่นใหม่ ได้ออกแถลงการณ์ถึงคณะกรรมการปฏิรูปศาสนา ให้ยุติการข่มขู่คุกคามล่วงละเมิดต่อพระพุทธศาสนา และ มส. อันอาจนำมาซึ่งความแตกแยกของชาวพุทธ แต่คณะกรรมการชุดดังกล่าวกลับแสดงออกซึ่งท่าทีอันเป็นปฏิปักษ์ต่อ มส.อย่างชัดเจน มิได้ให้เกียรติต่อองค์กรปกครองสงฆ์สูงสุด ซ้ำยังแสดงการปรามาส สร้างความแตกแยกร้าวลึกในศาสนจักร เสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งมิอาจให้เกิดขึ้นได้ ดังนั้นองค์กรสงฆ์รุ่นใหม่ทุกภาคส่วน พร้อมเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องสังฆมณฑล รักษา มส. คัดค้านการดำเนินการใดๆของคณะกรรมการปฏิรูปศาสนา มิให้ก้าวล่วงเข้ามาสร้างความร้าวฉานแก่สังฆมณฑลอย่างถึงที่สุด
พระอินเดียกังวลพุทธในไทย
อีกด้านหนึ่งมีรายงานว่า เฟซบุ๊ก สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ วัดสระเกศ ได้เผยแพร่ภาพรูปภาพ ระบุว่า เป็นหนังสือจากองค์กรพุทธศาสนาแห่งรัฐอุตรกานด์ ประเทศอินเดีย ที่ได้ส่งไปถึงนายกรัฐมนตรี และ สปช. โดยหนังสือฉบับดังกล่าวมีใจความสรุปว่า องค์กรพุทธศาสนาแห่งรัฐอุตรกานด์ ประเทศอินเดีย เป็นห่วงต่อสถานการณ์ทางศาสนาที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ที่ทุกวันนี้มีแต่ข่าวด้านลบ ซึ่งเป็นปัญหาที่น่ากังวลอย่างยิ่ง
หวั่นล่มสลายซ้ำ“อินเดีย-เกาหลี”
เรายังจำได้สถานการณ์เดียวกันที่เคยเกิดขึ้นในเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นผลทำให้พระพุทธศาสนาเกิดความเสียหายอย่างมาก และปัจจุบันพุทธศาสนิกชนในเกาหลีใต้ ลดน้อยลงถึงร้อยละ 30 ทั่วโลกรับรู้ว่าพระพุทธศาสนานิกายเถรวาทในประเทศไทย มีความเข้มแข็งมาก และผู้คนทั่วโลกกำลังเฝ้ามองประเทศไทยในการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในประเทศอื่นๆ แต่พวกเราห่วงสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย พระสงฆ์และการเมืองจะต้องไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกัน สงฆ์จะต้องปลอดจากการเมือง และต้องการให้ท่านจัดการเลือกตั้งสังฆราชองค์ใหม่ให้ยุติธรรมตามระดับอาวุโส
ระนองร่วมต้านปิดถนนตักบาตร
ขณะเดียวกัน เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นในงานตักบาตรมิตรภาพพระภิกษุ สามเณรไทย-พม่า 1,000 รูป ที่ศูนย์กัลยาณมิตรแก้วระนอง ซึ่งเป็นสาขาของวัดพระธรรมกาย ร่วมกับเครือข่ายประชาชน พ่อค้า จ.ระนอง และ จ.เกาะสอง ของพม่า จัดขึ้นที่บริเวณ ถ.เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ต.เขานิเวศน์ อ.เมืองระนอง โดยมีกลุ่มชาวบ้านกว่า 300 คน รวมตัวออกมาคัดค้าน และบุกรื้อแผงปิดกั้นการจราจรความยาวราว 400 เมตร ออก พร้อมตะโกนขับไล่ฝ่ายจัดงาน เพราะไม่เห็นด้วยกับการปิดถนนเพื่อจัดงานดังกล่าว
ต่อมา พ.ต.อ.อนุสรณ์ แช่มชื่น รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด(รอง ผบก.ภ.จว.) ระนอง ได้เชิญแกนนำทั้ง 2 ฝ่ายเข้าร่วมหารือ ซึ่งฝ่ายจัดงานยอมย้ายสถานที่จัดงานไปจัดที่วัดวารีบรรพต หรือวัดบางนอน ต.บางนอน อ.เมืองระนอง แทน ทำให้กลุ่มชาวบ้านที่คัดค้านพอใจแยกย้ายกันกลับไป
โพลเผยชาวพุทธซัดมส.ไร้น้ำยา
ด้านศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่องการปฏิรูปพุทธศาสนา กรณีศึกษาจากประชาชนชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธทั่วประเทศ 1,249 ตัวอย่าง เกี่ยวกับการปฏิรูปพุทธศาสนา เนื่องในวันมาฆบูชา วันที่ 4 มีนาคม นี้ ปรากฏว่า ร้อยละ 52.60 เห็นว่าการปฏิรูปพุทธศาสนาทั้งระบบ เป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ขณะที่ร้อยละ 24.34 เห็นว่าเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการ แต่ไม่เร่งด่วน ร้อยละ 19.30 เห็นว่าไม่มีความจำเป็นในการปฏิรูปพุทธศาสนาเลย และร้อยละ 3.76 ไม่แน่ใจ
เมื่อถามความเห็นเกี่ยวกับมหาเถรสมาคมในการดำเนินงาน เพื่อรักษาหลักพระธรรมวินัยและปกครองคณะสงฆ์ ปรากฏว่า ร้อยละ 33.87 เห็นว่าไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ ร้อยละ 25.30 เห็นว่าค่อนข้างมีประสิทธิภาพ ร้อยละ 19.13 เห็นว่าไม่มีประสิทธิภาพเลย ร้อยละ 11.21 ไม่แน่ใจ และร้อยละ 10.49 เห็นว่ามีประสิทธิภาพสูง
โวยธุดงค์ธรรมกายไม่เหมาะ
เมื่อถามความเห็นกับการธุดงค์ในเมือง หรือการเดินธุดงค์ธรรมชัยของวัดพระธรรมกาย ร้อยละ 77.50 เห็นว่าเป็นกิจกรรมที่ไม่เหมาะสม เพราะเป็นการจัดงานที่เอิกเกริกเกินไป ไม่ควรเดินธุดงค์ในเมือง ควรเดินในป่าหรือที่ที่ไม่ใช่ในเมือง อีกทั้งยังมีเรื่องของการบริจาคเงินเข้ามาจนกลายเป็นพุทธพาณิชย์ และไม่แน่ใจว่าต้องการอะไรจากสังคม บางครั้งการแสดงออกหรือการกระทำบางอย่างค่อนข้างบิดเบือนไปจากคำสอนของพระพุทธเจ้า ขณะที่ร้อยละ 13.77 เห็นว่าเป็นกิจกรรมที่เหมาะสม เพราะมีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย และถือเป็นสิทธิที่จะกระทำได้ ไม่น่าจะขัดต่อหลักของศาสนา ร้อยละ 5.84 ไม่แน่ใจ และร้อยละ 2.88 เฉยๆ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องของวัด พระสงฆ์ แล้วแต่ว่าจะทำกิจกรรมใดๆ
เผยโฉมตึกโยงเงินบริจาค“ศุภชัย”
ทางด้านสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเสนอรายงาน ระบุว่า มีการยืนยันข้อมูลจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้ ปปง.ไม่สามารถติดตามเงินบริจาคที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เซ็นจ่ายเช็คเงินสดให้กับพระธัมมชโย จำนวน 15 ฉบับ วงเงินกว่า 714 ล้านบาท เนื่องจากติดเงื่อนไขกฎหมายที่ระบุว่าห้ามยึดธรณีสงฆ์ เพราะถือเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน และปัจจุบันเงินบริจาคถูกนำไปใช้ในการก่อสร้างอาคารสถานที่ต่างๆแล้ว โดยหนึ่งในอาคารที่ถูกนำเงินส่วนนี้ไปใช้ในการก่อสร้าง คือ อาคารคุณยาย 100 ปี
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลการก่อสร้างอาคารดังกล่าวที่วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี พบว่า มีลักษณะใหญ่โต และโดดเด่นมาก ซึ่งดำเนินการก่อสร้างโดย บริษัท ฤทธา จำกัด โดยผู้ควบคุมงานก่อสร้าง กล่าวว่า โครงการนี้เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ต้นเดือนมิถุนายน 2553 และคาดว่าจะสิ้นสุดโครงการภายในปี 2558 ใช้งบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท และได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ที่อ้างว่าเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ ว่า ไม่สามารถให้ข้อมูลเรื่องแหล่งที่มาของเงินที่นำมาใช้ก่อสร้างได้ เพราะทางวัดไม่มีนโยบายให้ข้อมูลเรื่องดังกล่าว
อสส.รอไฟเขียวรื้อสำนวนทุจริต
นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) กล่าวถึงกรณีการรื้อฟื้นคดีพระธัมมชโย ตกเป็นจำเลยฐานยักยอกทรัพย์ และอัยการฝ่ายคดีอาญาได้ขอถอนฟ้องคดีต่อศาลอาญา ว่า ขณะนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบ 10 ปีแล้ว เบื้องต้นจะรายงานให้นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด(อสส.) ทราบ เพื่อขออนุญาตตรวจสอบสำนวนคดีนี้อย่างละเอียด เกี่ยวกับคำสั่งและเหตุผลการถอนฟ้องคดี ซึ่งจะบันทึกรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ในสำนวน เพื่อชี้แจงให้สื่อมวลชนได้รับทราบข้อเท็จจริงต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี