‘แม่อุ้มบุญ’ร้องสนช.
ทวงลูกจากชายมะกัน
แฉถูกนายหน้าตามขู่
หมอคนเดิมยังลอบทำ
ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 2 มีนาคม น.ส.วีรุทัย มณีนุชเนตร กรรมการบริหารสมาคมบัณฑิตสตรีทางกฎหมายแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์นำน.ส.ออย (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี ชาว อ.วิหารแดง จ.สระบุรี เข้ายื่นหนังสือต่อ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อขอให้ใช้มาตรการทางการกฎหมาย คุ้มครองผู้รับอุ้มบุญและบุตรที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์
โดย น.ส.วีรุทัย กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากน.ส.ออยว่าได้รับการติดต่อจากนายหน้าคนไทยเพื่อให้รับจ้างอุ้มบุญจากชายชาวสหรัฐอเมริกาวัย 40 ปี ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของสเปิร์ม โดยติดต่อผ่านเฟซบุ๊กที่ประกาศหาหญิงไทยที่รับจ้างอุ้มบุญ ซึ่งต้องเป็นหญิงที่เคยมีบุตรมาก่อน ตกลงค่าจ้างราคา 3.8 -4 แสนบาทต่อราย พร้อมค่าใช้จ่ายรายเดือน 1.4 หมื่นบาทจนถึงวันคลอด หากตกลงรับเงื่อนไขจะได้รับเงินล่วงหน้าจำนวนครึ่งหนึ่งของค่าจ้างไปก่อน
น.ส.วีรุทัย กล่าวต่อว่า มีหญิงไทยหลายรายเข้าไปรับจ้าง โดยมีแพทย์ที่เคยรับทำเรื่องอุ้มบุญให้ชายชาวญี่ปุ่นที่มาจ้างหญิงไทยและตกเป็นข่าวดังในช่วงที่ผ่านมาเป็นผู้ดำเนินการ โดยได้เรียก น.ส.ออย ไปทำการอุ้มบุญที่ห้องเช่าย่านเพลินจิต ทั้งที่ขณะนั้นนายแพทย์คนดังกล่าวยังอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดี อีกทั้งระหว่างที่ น.ส.ออย มาร้องเรียนกับตน นายแพทย์คนดังกล่าวได้ติดต่อให้น.ส.ออยไปรับเงินค่าจ้างอีกครึ่งหนึ่งและให้จบคดีนี้ แต่ น.ส.ออย อยากได้เด็กคืน เพราะเชื่อว่าเป็นลูกของตัวเอง จึงขอให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินคดี
ด้าน น.ส.ออย กล่าวว่า วันที่ 17 มกราคม 2558 หลังจากตนได้คลอดบุตรผู้ที่อ้างว่าเป็นพ่อชาวอเมริกัน ได้รับตัวบุตรและออกจากโรงพยาบาลและขาดการติดต่อไปเลย ซึ่งตนอยากได้ลูกคืน เพราะสงสัยว่าเด็กคนดังกล่าวจะเป็นลูกของตน แม้ขั้นตอนดำเนินการก็ไม่ทราบว่านำไข่คนอื่นผสมกับสเปิร์ม หรือฉีดสเปิร์มเข้าไปผสมกับไข่ของตัวเองหรือไม่ เพราะไม่มีความรู้เรื่องนี้
ขณะที่ นายวัลลภ กล่าวว่า แม้กฎหมายอุ้มบุญจะมีผลใช้บังคับแล้ว ก็ไม่มีผลย้อนหลัง แต่กรรมาธิการฯ ได้ตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นมาดูแล นอกจากคลี่คลายปัญหาดังกล่าวแล้วยังมีอีกหลายเรื่อง ได้แก่ กรณีชาวญี่ปุ่นมาจ้างอุ้มบุญและมีเด็กตกค้างอยู่ 13 ราย และกรณีชาวออสเตรเลียจ้างอุ้มบุญยังมีปัญหาอีก 400 ราย โดยเฉพาะชาวสหรัฐฯคาดว่าจะมีจำนวนไม่น้อยที่เข้ามาจ้างอุ้มบุญ
ต่อมาเวลา 14.00 น. น.ส.วีรุทัยนำน.ส.ออย (นามสมมุติ) เดินทางมาร้องเรียนเรื่องดังกล่าวกับหนังสือพิมพ์แนวหน้าโดยย้ำว่า ต้องการได้ลูกคืน เพราะเป็นห่วงลูกและไม่อยากให้ตัวเองไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ เนื่องจากแพทย์และนายหน้าที่ดำเนินการเป็นคนๆเดียวกับกรณีชาวญี่ปุ่นที่ตกเป็นข่าวใหญ่ก่อนหน้านี้
น.ส.วีรุทัย เปิดเผยว่า จากที่ตรวจสอบพบเจ้าของน้ำเชื้อกรณีน.ส.ออย เป็นชาวอเมริกัน วัย 40 ปี ได้ลืมเอกสารไว้ที่โรงพยาบาลที่น.ส.ออย ไปคลอดบุตรไว้เมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่ผ่านมา จึงทราบว่าชาวอเมริกันว่าจ้างผู้หญิงไทยรายอื่นให้อุ้มบุญ รวมถึงหญิงชาวอินเดียด้วย เพราะตอนที่มารับบุตรจากน.ส.ออยนั้น ชาวอเมริกันรายนี้ยังอุ้มเด็กชาวอินเดียมาด้วย และขณะนี้ชายชาวอเมริกันยังอาศัยอยู่ในย่านอ่อนนุช กทม.
“ที่ต้องการให้นำเด็กมาคืน เพราะเข้าใจว่าเป็นขบวนการค้ามนุษย์ เนื่องจากเอกสารที่ชายชาวอเมริกันลืมไว้ระบุว่า ได้จ้างแม่อุ้มบุญรายอื่นๆด้วย อีกทั้งไม่มีคู่สมรส ซึ่งขัดกับเงื่อนไขการทำอุ้มบุญ แต่กรณีนี้แพทย์กลับไม่ตรวจสอบ” น.ส.วีรุทัย กล่าวและว่า การเรียกร้องครั้งนี้ ยังต้องการให้สนช.ประสานแพทยสภาตรวจสอบพฤติกรรมของแพทย์รายนี้ด้วยเช่นกัน พร้อมกับย้ำว่า หลังเกิดเรื่อง น.ส.ออย ถูกบริษัทนายหน้าคุกคาม โดยส่งคนไปสอบถามหาตัวแถวบ้านที่ จ.สระบุรี จนต้องย้ายหนี และยังมีการโทร.มาข่มขู่ให้ น.ส.ออย เซ็นยินยอมให้นำเด็กออกนอกประเทศ
วันเดียวกัน นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า หลังสนช.เห็นชอบร่างพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์แล้ว จากนี้จะใช้เวลาอีก 90 วันในการบังคับใช้ได้ตามกฎหมาย ซึ่งตามกฎหมายใหม่ จะให้มีคณะกรรมการคุ้มครองเด็กที่เกิด โดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (กคทพ.) มีปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน
สำหรับสาระสำคัญของกฎหมายดังกล่าว ระบุว่า 1.สามีและภรรยาต้องมีสัญชาติไทย ถ้าสามีหรือภรรยามิได้มีสัญชาติไทย ต้องจดทะเบียนสมรสมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ส่วนหญิงที่มาตั้งครรภ์แทนต้องเป็นญาติโดยสายเลือดของฝ่ายสามี หรือภรรยา แต่ไม่ใช่บุพการีหรือผู้สืบสันดาน ถ้าไม่มีญาติก็ให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทนได้ แต่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขที่ รมว.สาธารณสุขประกาศ ผู้ฝ่าฝืนต้องมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2.ห้ามตั้งครรภ์แทนเพื่อประโยชน์ทางการค้า ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท 3.ห้ามคนกลางหรือนายหน้าโดยเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดตอบแทนการจัดการหรือชี้ช่องให้ตั้งครรภ์แทน ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 4.ห้ามมิให้ผู้ใดซื้อ เสนอชื้อ ขาย นำเข้าหรือส่งออกซึ่งอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน ผู้ใดฝ่าฝืนต้องโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี