กว่า 10 ปี ที่เกิดการรณรงค์ “งดเหล้าเข้าพรรษา” เกิดขึ้นจากจุดเล็กๆ ของคนที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง โดยมีการประชุมร่วมกันระหว่าง 10 องค์กรรณรงค์ ที่สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) เพื่อหาวิธีการ
รณรงค์ให้คนไทยดื่มลดลง ที่ประชุมวันนั้นเคาะวันที่เหมาะสมว่าคือ วันเข้าพรรษา ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวพุทธประพฤติปฏิบัติตนในศีลธรรมคำสอนมาตั้งแต่พุทธกาล จากจุดเริ่มต้นวันนั้นที่มี 10 ภาคีกลายเป็นความร่วมมือที่ยิ่งใหญ่มีภาคี เครือข่าย หน่วยงานต่างๆ ทั้งรัฐและเอกชน เข้าร่วมเป็น 100 องค์กรในเวลาอันรวดเร็ว
ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ที่ปรึกษากรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) อธิบายว่า ความร่วมมือที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เกิดจากความเห็นที่ตรงกัน ว่าเรื่องที่ทำเป็นสิ่งที่ดี จนปัจจุบันสัญลักษณ์ “งดเหล้าเข้าพรรษา” กลายเป็นที่รู้จักของคนไทยเกือบทั้งประเทศ เพราะจากการสำรวจการรับรู้พบว่า คนไทยกว่า 90% รู้จักโครงการนี้ และได้มีการเพิ่มระดับ เป็นงดเหล้าให้ครบทั้งพรรษา ก่อนที่จะขยับไปเป็นการงดเหล้าทั้งปี เพราะการงดเหล้าจะทำให้คนไทยประหยัดเงินได้ปีละกว่า 2 แสนล้านหากสมมุติว่าถ้าคนไทยทุกคนหยุดดื่มเป็นเวลา 3 ปี จะนำเงินที่ประหยัดได้นั้น มาสร้างสนามบินสุวรรณภูมิได้อีก 2 สนามบินเลยทีเดียวเพราะปัจจุบันอัตราการค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการดื่มสูงถึงอยู่ที่ 2% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ ซึ่งควรนำมาทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์จะดีกว่า
ผลสำรวจ “ผลการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาปี 2557” โดยศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ (SAB) ซึ่งสำรวจประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป ใน 25 จังหวัด พบว่า ผลการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา ของ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า ภาคีเครือข่าย และ สสส. ในปี 2557 ถือว่าประสบความสำเร็จมากกว่าปีก่อน โดยในปี 2557 ผู้ดื่มแอลกอฮอล์มีการเปลี่ยน
พฤติกรรมในช่วงเข้าพรรษา 83.4% โดยเลิก-งดดื่มตลอดช่วงเข้าพรรษา 39.4% งดดื่มเป็นบางช่วง 23.2% ไม่งดดื่มแต่ลดปริมาณการดื่ม 20.8% เมื่อเทียบกับปี 2556 พบว่า ผู้ดื่มที่เลิกตลอดช่วงเข้าพรรษาอยู่ที่ 36.2% ไม่งดดื่มแต่ลดปริมาณการดื่ม 19.1% และงดดื่มบางช่วง 13.5% โดย 92% เห็นด้วยกับการรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษา โดยผู้ที่งดดื่มตลอดช่วงเข้าพรรษาถือว่ามีเพิ่มสูงขึ้น จากการที่เริ่มมีการรณรงค์ที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งผู้ที่งดดื่มเหล้าช่วงเข้าพรรษา ยังได้นำประเด็นการงดเหล้าไปคุยกับคนในครอบครัวและบุคคลรอบข้าง ทำให้คนรอบตัวเปลี่ยนพฤติกรรมด้วย และเมื่อดูในกลุ่มที่เริ่มงดดื่มช่วงเข้าพรรษา ยังพบว่า แม้จะมีกลุ่มที่จะดื่มไม่ครบทั้งพรรษาแต่กลุ่มนี้ลดปริมาณการดื่มลงจากครึ่งหนึ่งที่เคยดื่มทั้งในแง่ปริมาณต่อครั้ง และจำนวนครั้งในการดื่ม
ดร.นพพล วิทย์วรพงศ์ รักษาการผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาสุรา อธิบายว่า ปี 2557 มีประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 20 ล้านคน มีค่าใช้จ่ายในการดื่มเฉลี่ย 486 บาทต่อครั้ง หรือ เฉลี่ยคนละ 2,304 บาทต่อเดือน จาก
การรณรงค์งดเหล้าเข้าพรรษาปี 2557 มีประชาชนเกือบ 17 ล้านคนเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่ม ในจำนวนนี้เกือบ 8 ล้านคนงดดื่มตลอดช่วงเข้าพรรษา และเกือบ 9 ล้านคนลดการดื่ม โดยกลุ่มคนงดดื่ม-ลดดื่ม ระบุว่า ประหยัดเงินได้ตลอดช่วงเข้าพรรษาเฉลี่ยคนละ 1,455 บาท เมื่อประมาณการระดับประเทศจะเท่ากับประหยัดได้กว่า 24,557 ล้านบาท ซึ่งยังสามารถลดต้นทุนทางสังคมที่เกิดผลกระทบจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุนทางอ้อมโดยเฉพาะเรื่องอุบัติเหตุ ความรุนแรง ที่ต้องสูญเสียไปจำนวนมาก โดยที่สร้างผลกระทบที่ไม่สามารถประเมินค่าได้
การงดดื่มในช่วงดังกล่าวนอกจากจะได้ค่าเหล้ากับคืนมาให้ครอบครัว เงินจำนวนนั้นยังถูกนำไปใช้กับเศรษฐกิจส่วนอื่นๆของสังคม เท่ากับเป็นการกระจายรายได้ไปยังภาคส่วนต่างๆ หากมองในแง่ของครัวเรือนเงินจำนวนนั้นก็ถือว่าได้นำมาใช้สอยในสิ่งที่เป็นประโยชน์ หากมองเศรษฐกิจมหภาค ก็เท่ากับเป็นการเพิ่มการใช้จ่ายภาคครัวเรือนได้ และที่สำคัญที่สุดของครอบครัว
คือ ได้ เวลาของครอบครัวกลับคืนมา และยังเป็นเวลาที่ไม่มีฤทธิ์แอลกอฮอล์มารบกวนใจกันและกัน เพราะหลายต่อหลายครอบครัวต้องตกเป็นเหยื่อความรุนแรงก็เพราะฤทธิ์น้ำเมา
จากปากคำของผู้เลิกเหล้า ที่เคยดื่มมา ตั้งแต่สมัยเรียนจนก้าวเข้าสู่วัยเกษียณอายุ เล่าว่า การดื่มเหล้าอย่างหนักทำให้
เป็นเหตุให้เสียการเสียงาน ทำงานได้ไม่เต็มศักยภาพ แถมยังเป็นเหตุเสียเงินที่ทำงานได้มาไปกับการพนันเพราะดื่มจนเมา ในที่สุดก็ต้องออกจากงานเพราะความที่เมามาอย่างต่อเนื่อง เงินที่หาได้มาทั้งชีวิตก็ยังหมดไปกับเรื่องเหล้า จนมาถึงจุดหนึ่งมีคนที่ทำงานในภาคีเครือข่ายงดเหล้าเข้ามาชวนให้เลิกเหล้า โดยเริ่มต้นจากเข้าพรรษา ก็ถือเป็นเรื่องดีที่ได้ทบทวนตัวเอง และเห็นได้ชัดว่าที่ผ่านมา เหล้าเข้ามาทำลายชีวิตไปมากมาย ทั้งเสียเงิน เสียงาน เสียเรื่องดีๆ กับครอบครัว เพราะเมาแล้วก็มักทะเลาะเบาะแว้งกันเมื่อไม่มีฤทธิ์น้ำเมาแล้ว ครอบครัวก็กลับมามีความสุขอีกครั้ง
จากการเข้าไปทำงานในพื้นที่ต่างๆ ของคณะทำงานในโครงการ เลิกเหล้าเข้าพรรษา พบว่า มีหมู่บ้านเลิกเหล้า 300 แห่ง จาก 70,000 หมู่บ้านทั่วประเทศ แม้ตัวเลขจะดูน้อยอยู่ แต่พบว่าทำให้เกิดพลังที่มีคุณค่ามหาศาลแก่ชีวิตที่จะเปลี่ยนวิกฤติชีวิตของครอบครัวที่ต้องพบกับปัญหานานาประการให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ได้มากขึ้น
ปานมณี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี