3 มี.ค. 58 เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) น.ส.รัชนีกร สรสิริ รองเลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย Mr.Jeremy Douglas ผู้แทนสำนักงานยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ(UNODC)ดร.วิโรจน์ สุ่มใหญ่ คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ(INCB) และMr.Matthew Nice ผู้ประสานงานการบริหารจัดการชายแดน ร่วมเปิดรายงานประจำปีค.ศ.2014 ของ INCB และรายงาน INCB เรื่องสารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ที่มักถูกใช้ในการผลิตยาเสพติด หรือวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท
น.ส.รัชนีกร กล่าวว่า ในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมสารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในการผลิตยาเสพติด ล่าสุด เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟรดีนที่ท่าอากาศยานและบริเวณชายแดนได้ก่อนสารดังกล่าวจะถูกลำเลียงไปสู่แหล่งผลิตยาเสพติด ซึ่งในจำนวนที่จับกุมได้นั้นสามารถนำไปผลิตเป็นยาบ้าได้กว่า 100 ล้านเม็ด
รองเลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวอีกว่า ในวันที่9-17 มี.ค. นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมธิการยาเสพติดที่กรุงเวียนนา ประเทศฝรั่งเศส โดยมีตัวแทนจาก53 ประเทศเข้าร่วมประชุม สำหรับประเด็นที่ประเทศไทยจะเสนอในที่ประชุมได้แก่ ความสำคัญในการควบคุมสารตั้งต้น การพัฒนาทางเลือก เช่นการปลูกพืชทดแทน และเน้นย้ำถึงลดความต้องควบคู่ไปกับการปราบปราม นอกจากนี้ จะแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการอนุญาตให้มีการใช้สารเสพติดอย่างเสรีเหมือนกลุ่มประเทศละตินอเมริกาและประเทศในกลุ่มยุโรป
ด้านนายวิโรจน์ สุ่มใหญ่ คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ( INCB) กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหายาเสพติดในกลุ่มประเทศละตินอเมริกาที่อนุญาตให้ใช้ได้เสรีว่า ตอนนี้กำลังจะกลายมาเป็นแรงกดดันกระเพื่อมมาถึงไทยและประเทศแถบเอเชีย จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าการปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มข้นผิดหรือไม่ ทั้งที่การปล่อยให้ประชาชนเสพยาเสพติดนั้นผิดวัตถุประสงค์ของการป้องกันสุขภาพของประชาชน ขณะนี้ต้องยอมรับว่าแนวคิดการแก้ปัญหายาเสพติดในกลุ่มประเทศละตินอเมริกานั้นส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศไทย
นายวิโรจน์ กล่าวว่า ในขณะนี้มีข้อกังวลในเรื่องก่ารนำยาเสพติดหรือวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทมาใช้อย่างถูกกกฆหมายตามวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ อุตสาหกรรมแ ละวิทยาศาสตร์ ซึ่งรัฐบาลทั้วโลกที่เป็นสมาชิกทั้วโลบกต้องปฏิบัติตามอนุสัญญาการควบคุมยาเสพติดระหว่างประเทศ ซึ่งเดิมเข้าใจว่าสารดังกล่าวสามารถนำมาใช้ในผู้ป่วยเพื่อการบำบัดรักษาแต่ปรากฏว่าขณะนี้มีการนำสารกระตุ้นที่เรียกว่า“ เมธิลเฟนิเดต” ซึ่งใช้ในการรักษาโรคสมาธิสั้นในกลุ่มเด็กอายุระหว่าง 4-17 ปี แต่INCBพบว่าในกลุ่มวัยรุ่นได้นำสารดังกล่าวมาใช้เสพในปริมาณที่สูงขึ้น
“จากรายงานพบว่าการใช้สารออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทชนิดใหม่ได้ขยายตัวขึ้นทั้วโลก จากในปี 2557 ระบุว่ามีสารดังกล่าวมีสารดังกล่าวเพียง 348 ชนิด แต่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 388ชนิด”นายวิโรจน์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี