ข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) เริ่มมีกระแสมาแรงอีกครั้งแล้ว
โดยมีการอ้างแหล่งข่าวทำเนียบรัฐบาลว่า ภายในเดือนมีนาคมนี้ น่าจะมีการปรับครม.บางส่วน โดยเฉพาะกระทรวงเกี่ยวกับปากท้องประชาชน ซึ่งปรากฏว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา เป็นรัฐมนตรีว่าการ กับนายอำนวย ปะติเส เป็นรัฐมนตรีช่วย...ตกอยู่ในข่ายที่น่าจะถูกปรับเปลี่ยนมากที่สุด
ทั้งนี้โดยมีการอ้างผลโพลล์หลายสำนักสำรวจความคิดเห็นประชาชน พบว่า กระทรวงเกษตรฯที่ผ่านมา ไม่สามารถแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชนได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะปัญหาสินค้าเกษตรราคาตกต่ำทั้งยางพารา มันสำปะหลัง ข้าวโพด และข้าว เฉพาะยางพาราใช้งบประมาณไปกว่า 12,000 ล้านบาทแล้ว ราคาก็ยังตกต่ำต่อเนื่อง จนมีการชี้นิ้วไปที่นายอำนวย ปะติเส ผู้รับผิดชอบว่า ดำเนินนโยบายผิดพลาด รวมทั้งยังมีปัญหาการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรช่วงหน้าแล้งปีนี้ ที่เกิดวิกฤติหนัก แต่การช่วยเหลือก็ล่าช้า ขาดประสิทธิภาพ แถมยังเกิดความไม่ชอบมาพากลขึ้นมาซ้ำเติมอีก
ปัญหาในกระทรวงเกษตรฯเหล่านี้ มีข่าวว่า ทางคสช.ได้ส่งนายทหารเข้าไปตรวจสอบ หาข้อมูลเชิงลึกแล้ว พบว่า สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งมาจาก “กลุ่มอิทธิพล” ในกระทรวงเกษตรฯที่เข้าไปกดดันแทรกแซงการทำงานโดยมิชอบ แอบแฝงการหาผลประโยชน์โดยเฉพาะในการแต่งตั้งโยกย้ายต่างๆ ทำให้มีข้าราชการระดับอธิบดีทนไม่ไหว ลาออกก่อนเกษียณไปแล้วถึง 2 คน ในช่วงต้นปีนี้คือ นายวีระชัย นาควิบูลย์วงศ์ เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดิน กับนางวีณา พงศ์พัฒนานนท์ อธิบดีกรมหม่อนไหม
ครับ ที่สรุปมานี้ ผมคิดว่า แม้กระแสข่าวมาแรง แต่โดยลักษณะการทำงานของนายกรัฐมนตรีที่ชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานั้น เมื่อเลือกใครมาทำงานแล้ว ท่านจะให้โอกาสเต็มที่ ยกเว้นแต่“จะถึงที่สุดจริงๆ” ถึงจะมีการปรับเปลี่ยนเกิดขึ้น
แล้วตอนนี้ ถ้าถามว่า มัน“สุกงอม”ถึงที่สุดหรือยัง ผมประเมินเองว่า น่าจะใกล้มาก แต่ก็ยังพอมีโอกาสแก้ตัว“เฮือกสุดท้าย”อยู่
ที่ว่า ใกล้จะถึงที่สุด ประเมินจากข่าวสารที่ประชาชน สังคมทั่วไป ยังคงรู้สึกเดือดร้อนปัญหาปากท้อง รู้สึกว่าเศรษฐกิจไม่กระเตื้องดีขึ้นเลย ผลงานด้านเศรษฐกิจผ่านมาหลายเดือนยังไม่เข้าตา ฯลฯ
นอกจาก“ความรู้สึก”แล้ว ยังยืนยันด้วยตัวเลขจริงของทางการทั้งจากสภาพัฒน์และแบงก์ชาติที่ล่าสุดเพิ่งชี้ว่า เศรษฐกิจไทยยัง
“ฟื้นตัว”ช้ากว่าที่คาด โดยเฉพาะการบริโภคภาคประชาชนที่ไม่กระเตื้องขึ้นเลย สาเหตุสำคัญเป็นเพราะรายได้ภาคการเกษตร ยังย่ำแย่ จากผลผลิตขายไม่ได้ราคา ขณะที่ผู้บริหารภาคธุรกิจสินค้าบริโภคกลุ่มสำคัญๆก็เพิ่งชี้เช่นกันว่า กำลังซื้อระดับรากหญ้าโดยเฉพาะในภูมิภาคทุกภาค มีการลดลงถึง 20-30% อันเป็นผลจากราคาผลผลิตตกต่ำ
ที่เศรษฐกิจไทยยังไม่ดีขึ้น จนรัฐบาลเสียคะแนนนิยม สาเหตุจึงมาจากภาคการเกษตรเป็นสำคัญ นี่ย่อม“ชี้เป้า”ไปที่กระทรวงเกษตรฯอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ยิ่งโดยเฉพาะ เมื่อกลไกในกระทรวงเกษตรฯเอง ก็มีปัญหาความระส่ำระสายของข้าราชการจากการถูก“กลุ่มอิทธิพล”เข้ามาแทรกแซงโดยมิชอบ ซึ่งรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงก็ไม่ได้จัดการแก้ไขเลย ทั้งที่รู้ข้อมูลอยู่เต็มอกว่า “คนที่ก่อปัญหา” ล้วนแต่เป็นคนที่ท่านแต่งตั้งเข้ามาทำงานเองกับมือ
ตอนนี้ ท่านปีติพงศ์น่าจะยังมีโอกาส“เฮือกสุดท้าย” ถ้ายังคิดสร้างชื่อการทำงานในตำแหน่งรัฐมนตรี ไม่ใช่ถูกปลดถูกเปลี่ยนจากการปรับครม.ให้เสียชื่อ นั่นก็คือ ท่านควรจะลงมือได้แล้ว จัดการ ปลดออก สะสางบรรดา“คนใกล้ตัว”ที่ก่อปัญหา จนข้าราชการระส่ำระสาย ส่งผลเสียต่อทำงานแก้ปัญหาภาคการเกษตร ให้สมกับที่ท่านเคยประกาศตอนเข้ารับตำแหน่งใหม่ๆว่า ถ้าคนที่ท่านตั้งมา สร้างปัญหา “ก็จะไม่เอาไว้แน่”
ถ้ายังคงอยู่ไปวันๆ ไม่แก้ไขเรื่องนี้ คงไม่มีใครเสียดายแน่ ถ้าท่านถูกปรับออกจากครม.หนนี้
ซึ่งถ้าจำเป็นจริงๆต้องเปลี่ยนตัวผู้ดูแลกระทรวงเกษตรฯใหม่ ผมก็ยากเสนอตรงนี้เลยว่า นายกฯควรเลือกคนใหม่ที่มีความเด็ดขาด และอย่าตั้งจากอดีตข้าราชการกระทรวงเกษตรฯที่เกษียณไปแล้วเลย เพราะมีแต่จะสร้างปัญหาแบบเดิมๆคือ นอกจากวิธีคิดแบบเก่าๆแล้ว ยังมักเลือกเอาลูกน้องเก่าๆของตัวเองมาเป็นมือเท้าทำงาน รังแต่จะกลายเป็นตัวสร้างปัญหา มากกว่าจะแก้ไขอะไรให้ดีขึ้นอีก
ฝากไว้แค่นี้แหละ
สาโรช บุญแสง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี