ลุ้นอสส.ตังคณะทํางาน
รือคดีธัมมชโย
พุทธะอิสระบี้ดีเอสไอ
สอบสมบัติ‘วัดปากน้ำ-มส.’
สนพ.ปลุกม็อบพระ12มีนาฯ
กดดันรัฐบาลยุบกก.ปฏิรูปฯ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 3 มีนาคม ที่สำนักงานอัยการสูงสุด พระสุวิทย์ ธีรธัมโม หรือ หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด เพื่อขอให้ตรวจสอบเหตุผลของการสั่งฟ้องและไม่สั่งฟ้อง พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังเอาทรัพย์สินไปเป็นของตนโดยทุจริต เมื่อปี 2549 และเหตุผลในการเปลี่ยนคณะพนักงานอัยการที่รับผิดชอบสำนวนคดีในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รวมถึงเหตุผลในการยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีอาญา ซึ่งเป็นความผิดต่อแผ่นดินที่ไม่อาจยอมความได้ และขอให้ยกคดีขึ้นฟ้องร้องยังศาลอีกครั้ง โดยมี นายพรศักดิ์ ศรีณรงค์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา และ นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นตัวแทนรับมอบหนังสือร้องเรียน
จี้รื้อคดีสอบใหม่อีกครั้ง
หลวงปู่พุทธอิสระ กล่าวว่า หลังจากที่อัยการสูงสุดบอกว่ายังไม่ได้รับหนังสือจากสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน อาตมาจึงนำหนังสือร้องเรียนมายื่นให้กับอัยการสูงสุด โดยการยื่นเรื่องวันนี้เป็นประเด็นที่อัยการสั่งฟ้องครั้งแรกนั้น ฟ้องเพราะสาเหตุใด และอัยการที่ไม่สั่งฟ้องในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ มีเหตุผลอะไร จึงอยากให้มีการยกคดีขึ้นมาตรวจสอบใหม่อีกครั้ง เพื่อดำเนินการให้ตรงต่อผู้กระทำความผิด นอกจากนี้ขอให้ไปตรวจสอบพระธรรมทูตต่างประเทศก็รับเงินดูแลจากวัดพระธรรมกายด้วย ลองไปตรวจสอบดู ส่วนพระสงฆ์หลายกลุ่มที่ออกมาคัดค้านต่อต้านอาตมานั้น ว่าอาตมาผิดพระธรรมวินัยสงฆ์ซึ่งผิดส่วนไหน ปาราชิกเมื่อใด ทำไมพระสงฆ์เหล่านั้นไม่สนใจเรื่องระเบียบการปฏิบัติของสงฆ์กันเลย และยืนยันว่าจะสู้จนตาย
ต้องใช้เวลาค้นเอกสารเก่า
ขณะที่นายพรศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นมานานแล้ว ชุดทำงานเดิมก็เกษียณราชการหมด ซึ่งการดำเนินการเกี่ยวกับคดีจะต้องรอทางอัยการสูงสุดสั่งการมาก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร ส่วนระยะเวลาการตรวจสอบสำนวนคดีเก่านั้น คาดว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะในการค้นหาเอกสารสำนวน เพราะไม่ทราบว่าตอนนี้เอกสารอยู่ที่ใด เนื่องจากเป็นคดีเก่านานกว่า 10 ปี
ลุ้นอสส.ตั้งกก.สอบ
ด้านนายโกศลวัฒน์ กล่าวว่า คดีนี้ต้องขอตรวจสอบสำนวนก่อนว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร เหตุใดอดีตอัยการสูงสุดจึงมีคำสั่งให้ถอนฟ้อง เพราะเรื่องนี้เกิดมานานแล้ว มีเอกสารจำนวนมาก ขณะที่คณะทำงานที่รับผิดชอบสำนวนดังกล่าวก็เกษียณไปหมดแล้ว โดยท้ายที่สุดต้องดูว่า อัยการสูงสุด จะตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบสำนวนดังกล่าวหรือไม่
ยื่นดีเอสไอสอบทรัพย์สินมส.
จากนั้นในเวลา 13.30 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หลวงปู่พุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อขอให้ตรวจสอบเส้นทางทางการเงินและทรัพย์สินทั้งหมดของพระมหาเจดีย์มหารัชมงคล เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และกรรมการมหาเถรสมาคม(มส.) จากกรณีการก่อสร้างอาคารจอดรถ พระมหาเจดีย์มหารัชมงคล วงเงิน 300 ล้านบาท, รูปหล่อหลวงพ่อสดวัดปากน้ำด้วยทองคำบริสุทธิ์น้ำหนัก 1 ตัน และการครอบครองรถยนต์หรู ทะเบียน ขม 99 กทม. รวมทั้งการเบิกจ่ายเงินประจำตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช และเงินประจำตำแหน่งผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ว่าใช้จ่ายถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ และขอให้รับคดีที่ มส.ขอพระราชทานสถาปนาเลื่อนสมณศักดิ์ระดับพระราชาคณะชั้นเทพให้แก่ พระธัมมชโย เนื่องจากเห็นว่าพระธัมมชโยต้องอาบัติปราชิกไม่อาจกลับมาบวชได้อีก โดยขอให้ดีเอสไอรับไว้เป็นคดีพิเศษ
ดีเอสไอขอเวลาตรวจสอบ
ทางด้าน พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ ซึ่งเป็นผู้รับหนังสือร้องเรียนแทน กล่าวว่า ในเบื้องต้นทางดีเอสไอจะรับเรื่องร้องเรียนนี้ไว้ตรวจสอบตามข้อกฎหมายว่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างไร ซึ่งจะเป็นการดำเนินการตามกรอบของกฎหมาย คาดว่าต้องใช้เวลาในการตรวจสอบระยะหนึ่ง
คณะสงฆ์แนะแนวทางปฏิรูป
ที่รัฐสภา คณะพระภิกษุสงฆ์ วัดเขาสนามชัย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในนามคณะพุทธบริษัทสภาเพื่อรักษาพระธรรมวินัย (คสธ.) นำโดย พระมหาสมบูรณ์ ฉันทโก เข้ายื่นหนังสือต่อ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตราการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อเสนอแนวทางในการปฏิรูปพระพุทธศาสนา โดยระบุว่า ถ้าจะปฏิรูปพระพุทธศาสนา ไม่ควรปฏิรูปคำสอนพระพุทธองค์ แต่ควรปฏิรูปการศึกษาให้พุทธบริษัทรวมถึงพระสงฆ์ได้ศึกษากันอย่างเป็นระบบ เมื่อเกิดความรู้ความเข้าใจร่วมกัน ก็จะไม่มีการถกเถียงกัน ทำให้เกิดการแยกแยะว่า สิ่งไหนผิดสิ่งไหนถูก
สนพ.พร้อมชุมนุม12มี.ค.
วันเดียวกัน พระเมธีธรรมาจารย์(ประสาร จันทสาโร) รองอธิการบดีฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแผ่ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ในฐานะที่ปรึกษาสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา(สนพ.) กล่าวว่า สนพ.พร้อมด้วยองค์กรทางพระพุทธศาสนาหลายแห่งยังยืนยันที่จะเรียกร้องให้มีการยุบคณะกรรมการปฏิรูปฯพระพุทธศาสนาภายใน 15 วัน ซึ่งหาก รัฐบาล และ สนช.ยังคงนิ่งเฉย ก็จะทำการนิมนต์พระสงฆ์และฆราวาสจำนวนมากร่วมชุมนุมในวันที่ 12 มีนาคมนี้ อย่างแน่นอน โดยการชุมนุมจะไม่ใช้ความรุนแรง ไม่มีการตะโดนด่าทอหยาบคาย เน้นความสงบตามกรอบในพระธรรมวินัยและอยู่ภายใต้กฎหมายบ้านเมือง
หลายองค์กรพร้อมเข้าร่วม
พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวว่า กิจกรรมการชุมนุมนั้น จะประกอบไปด้วยการสวดเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อดลใจให้รัฐบาลและ สนช.ดำเนินการตามข้อเรียกร้อง, กิจกรรมเวทีเสวนาทางวิชาการเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาโดยพระสงฆ์และนักวิชาการที่มีชื่อเสียง, การออกแถลงการณ์ข้อเรียกร้องและยื่นหนังสือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยขณะนี้มีองค์กรทางพระพุทธศาสนาหลายแห่งจากในประเทศและต่างประเทศแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกับ สนพ. ส่วนจะมากันมากหรือน้อย มิใช่สาระสำคัญ สิ่งสำคัญคือความตั้งใจในการปกป้องพระพุทธศาสนา
จี้พุทธะอิสระหยุดเคลื่อนไหว
วันเดียวกัน สนพ. ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 เรื่องแนวทางในการพิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนาคณะสงฆ์และมส. มีเนื้อหาโดยสรุปว่า 1.สนพ.ยึดหลักพระธรรมวินัยและกฎหมายคณะสงฆ์เป็นแนวทางในการพิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนาตามหน้าที่ชาวพุทธ 2.การพิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนาของสนพ.ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับกรณีวัดพระธรรมกาย 3.ให้คณะกรรมการปฏิรูปฯพระพุทธศาสนาและหลวงปู่พุทธะอิสระ ยุติการละเมิดต่อพระธรรมวินัย และยุติการสร้างความแตกแยกในศาสนจักร โดยเฉพาะการล่วงเกินใส่ร้ายคณะสงฆ์ และ มส.
หลายจว.ยื่นยกเลิกกก.ปฎิรูปฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะสงฆ์และชาวพุทธได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนให้ยกเลิกคณะกรรมการปฏิรูปฯพระพุทธศาสนาอย่างต่อเนื่องโดยล่าสุด องค์กรนิสิตวิทยาลัยสงฆ์ศรีษะเกษ มจร. ได้ออกแถลงการณ์ให้ยกเลิกคณะกรรมการปฏิรูปฯพระพุทธศาสนา เช่นเดียวกับ พระวัดคลองเมือง จ.พิษณุโลก ที่ส่งหนังสือแสดงจุดยืนให้ยุบคณะกรรมการปฏิรูปฯ พระพุทธศาสนา รวมทั้ง พระสงฆ์จากชมรมรัฐศาสตร์สัมพันธ์ วิทยาเขตขอนแก่น มจร. วิทยาเขตขอนแก่น ที่ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ขอให้ยุบคณะกรรมการปฏิรูปฯ
อดีตพระวัดธรรมกายแจงปปง.
วันเดียวกัน ที่สำนักงานการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล เจ้าของ บริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด อดีตพระวัดพระธรรมกาย ซึ่งรับเช็คมาจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น ผู้ต้องหาในคดียักยอกทรัพย์ พร้อมทนายความ นำหลักฐานมายื่นต่อเจ้าพนักงาน ปปง. และดีเอสไอ เพื่อชี้แจงว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรับโอนเงินจากนายศุภชัย และวัดพระธรรมกาย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ร่วมกับทหาร และ ปปง. สนธิกำลังเข้าตรวจค้น บริษัท เอส.ดับบลิว.โฮลดิ้งกรุ๊ปฯ พบเอกสารจำนวนมาก อาวุธปืน 5 กระบอก พระเครื่อง และลูกแก้วใส สัญลักษณ์ของวัดพระธรรมกาย ทั้งนี้ นายสถาพรมีสีหน้าเคร่งเครียด และไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
สหกรณ์ฯนัดแจงผลฟื้นฟู7มีค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ได้มีประกาศเชิญสมาชิกพบกรรมการสหกรณ์ ในวันเสาร์ที่ 7 มีนาคม เวลา 13.00-16.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร ยู ทาวเวอร์ เลขที่ 411 ถนนศรีนครินทร์ เพื่อแจ้งผลการไต่สวนขอฟื้นฟูกิจการที่ศาลล้มละลายกลาง การบรรเทาความเดือดร้อนและเยียวยาสมาชิกหลังศาลล้มละลายกลางมีคำสั่ง ในวันที่ 20 มีนาคม การเชิญชวนให้สมาชิกฟ้องคดีอาญาต่อสหกรณ์ฯ พร้อมมีการตอบข้อซักถามของสมาชิก
นายกฯมอบ“เทียนฉาย”ดูแล
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงข่าวถึงกรณีที่พระธรรมทูตของไทยในประเทศจีนเรียกร้องให้มีการยุบคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า ตอนนี้ให้ นายเทียนฉาย กีรนันท์ ประธานสปช. ดูแลอยู่ โดยให้ไปดูถึงความเหมาะสม พูดไปก็ขัดแย้งกันเปล่าๆ ก็ต้องการให้ชัดเจนขึ้นว่าต่อจากนี้ไปจะทำอย่างไร ถ้าบอกว่าไม่มีกฎหมายก็ไปหากฎหมายมาว่ากัน ตอนนี้อยู่ที่ว่าควรจะทำแบบใดเท่านั้น
“ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ตัวผมก็อดทนทุกอย่างเลยนะ เอาผมเป็นหลักก็แล้วกัน ฉะนั้นผมก็คิดว่าตรงนั้นส่วนหนึ่ง แต่ถ้ามองว่าเขาทำไม่ถูก ส่วนที่ดีเขาก็มีอยู่ ก็ค่อยๆ ว่ากัน แก้กันไป ไม่ใช่ว่าผมปัดหรือไปอุ้มอะไรนะ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี