เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเกี่ยวกับขบวนการผลักดันให้มีการวิจัย พัฒนา และปลูกพืช “จีเอ็มโอ” เชิงพาณิชย์ในประเทศไทย
ทั้งที่ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2557 “คณะทำงานศึกษาแนวทางการนำสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรมและผลิตภัณฑ์มาใช้ในประเทศไทย” ซึ่งอยู่ภายใต้ คณะกรรมการยุทธศาสตร์สินค้าพืช 4 ชนิด ประกอบด้วย มันสำปะหลัง ข้าวโพด ปาล์มน้ำมัน และอ้อย ที่มี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ และรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน จะเพิ่งมีมติอย่างเป็นเอกฉันท์ให้การทดลองจีเอ็มโอในระดับไร่นาต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมติครม.เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2550 ที่ต้องมีการควบคุมอย่างเข้มงวด
หรือจะให้พูดกันอีกนัย ก็คือ เป็นมติที่ “หักอก” กลุ่มบรรษัทเมล็ดพันธุ์ทั้งหลาย ที่ก่อนหน้านั้นช่วยกันออกมาผลักดันเสนอแผนให้มีการทดลอง “ข้าวโพดจีเอ็มโอ” ในประเทศไทย โดยอ้างผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงต้องเอาข้าวโพดจีเอ็มโอมาช่วยเติมเต็ม จะได้ช่วยลดการนำเข้า ... เขาว่ากันมาอย่างนั้น ซึ่งก็ถือเป็นโชคดีของคนไทยที่ยังไม่มีใครบ้าจี้ตาม
แต่อย่างว่าครับ เชื้อ “มะเร็ง” มันตายยากยังไง การสกัดไม่ให้พืชจีเอ็มโอเข้ามาแพร่พันธุ์ในประเทศไทย มันก็ยากไม่ต่างกัน!
คล้อยหลังมาเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ก็เกิดการเคลื่อนไหวระลอกใหม่ เมื่อ นายไคล์ฟ เจมส์ ประธานกิตติมศักดิ์และผู้ก่อตั้งองค์กร ISAAA หรือ International Service for the Acquisition of Agri-Biotech Application แกบุกไปล็อบบี้รมว.เกษตรฯ “ปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา” ถึงกระทรวง เพื่อขอให้ช่วยผลักดันให้มีการปลูกพืชจีเอ็มโอในประเทศไทย พร้อมกับยืนยันถึงความปลอดภัย ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่ใช้สารเคมี
แล้วก็ตามระเบียบครับ ไล่หลังกันมาในวันเดียวกัน สมาคมเทคโนโลยีชีวภาพสัมพันธ์ ร่วมกับ ISAAA และ CropLife Asia ได้ออกคำแถลงการณ์เรียกร้องให้มีการวิจัยพัฒนาและปลูกพืชเชิงพาณิชย์ในประเทศไทยอย่างครบวงจร พร้อมกับให้ “สภานิติบัญญัติแห่งชาติ” รีบแก้ไขกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว
มาถึงตรงนี้ ขออนุญาต “เบรก” ให้ข้อมูลขององค์กรต่างๆ ที่เคลื่อนไหวรอบนี้สักนิดนะครับ เริ่มตั้งแต่ ISAAA ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่องค์กรทางวิชาการที่ไหน เพราะในกลุ่มนักเคลื่อนไหวต่อต้านจีเอ็มโอเขารู้จักกันดีว่ามีสถานะไม่ต่างไปจาก “ล็อบบี้ยิสต์” ที่คอยตามล็อบบี้รัฐบาลประเทศต่างๆ ยอมเปิดทางให้มีการปลูกพืชจีเอ็มโอ เหมือนกับที่รัฐมนตรี “ปีติพงศ์” เพิ่งโดนมากับตัวเองนั่นแหละครับ
โดยคนที่สนับสนุนงบประมาณให้กับองค์กรนี้ก็ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นกลุ่มมอนซานโต้ ซินเจนทา ไบเออร์ และ ดูปองท์ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบรรษัทข้ามชาติที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับจีเอ็มโอและสารเคมีทางการเกษตรทั้งสิ้น นอกจากนี้ ISAAA ยังได้งบประมาณจากรัฐบาลสหรัฐผ่าน “องค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐ” หรือ USAID อีกส่วนหนึ่ง
ส่วน CropLife Asia ว่ากันว่ามีผู้ก่อตั้งและสมาชิกสำคัญที่เราคุ้นหน้ากันดีอย่าง มอนซานโต้ ซินเจนทา และ FMC ซึ่งรายหลังนี้เป็นบริษัทเจ้าของสารเคมีกำจัดศัตรูพืช “คาร์โบฟูราน” หรือชื่อการค้า “ฟูราดาน” ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทั้งสหรัฐ สหภาพยุโรป จีน และหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งที่อยู่รอบๆ บ้านเราสั่งห้ามใช้ไปแล้ว แต่แว่วๆ ว่า ตอนนี้ “กรมวิชาการเกษตร” กำลังถูกตามกล่อมให้ยอมอนุญาตให้ขึ้นทะเบียน เพื่อนำมาใช้ในประเทศไทยได้
ขณะที่สมาคมเทคโนโลยีชีวภาพสัมพันธ์ มีสมาชิกผู้ก่อตั้งที่เราก็คุ้นกันดีอีกเหมือนเดิม คือ มอนซานโต้ ซินเจนทา
ไบเออร์ และไพโอเนียร์ ซึ่งรายหลังเป็นบริษัทในเครือของดูปองท์ โดยสมาคมนี้ยังมีที่ปรึกษา อาทิ ผู้บริหารระดับสูงของซีพี
รวมถึงกระทรวงเกษตรฯ และศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ
พอจะเริ่มเห็นความเชื่อมโยงกันหรือยังครับ กับเบื้องหลังการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นว่าแท้ที่จริงแล้วมี “ตัวละคร” ตัวไหนบ้างที่อยู่เบื้องหลังการผลักดัน “จีเอ็มโอ” ในบ้านเรา
ยังไม่หมดเท่านี้นะครับ เสียดายที่วันนี้หน้ากระดาษหมดเสียก่อน ขอยกยอดที่เหลือไปเล่าให้ฟังในสัปดาห์หน้าอีกครั้งนะครับ
มะลิลา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี