ดีเอสไอลุย‘ธรรมกาย’
ส่อไซฟ่อนเงิน
โอนหลายต่อ-ตามยาก
ผ่าน8-9แบงก์ไม่รู้อยู่ไหน
เร่งประเมินทรัพย์สินวัด
ปปง.ตามแกะรอยที่ดิน
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบธุรกรรมการเงิน ในคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ผ่านการสั่งจ่ายเช็ควงเงิน 11,000 ล้านบาทว่า คดียักยอกทรัพย์สหกรณ์ยูเนี่ยนคลองจั่นต้องแยกระหว่างการตรวจสอบวัดพระธรรมกายและบุคคลที่กระทำผิดออกจากกัน เพราะเรื่องวัดเป็นประเด็นละเอียดอ่อน
ดังนั้น ปปง.จะเข้าไปดูเฉพาะรายละเอียดเรื่องทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องคดีอาญา ที่ตัวบุคคลเข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทั้งนี้ โดยหลักการแล้ว การที่บุคคลใดที่รับทรัพย์สินที่ได้ไปจากการกระทำผิดตามกฎหมายฟอกเงิน จะมีความผิดทางอาญาฐานร่วมกันฟอกเงินหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเจตนาว่ารู้หรือไม่ว่าทรัพย์ที่ได้รับมานั้น ได้มาจากการฟอกเงิน ถ้าชี้แจงได้ไม่มีความผิดอาญา แต่ทรัพย์จะต้องถูกอายัด
17มีค.ชี้ชะตายึดทรัพย์สถาพร
พ.ต.อ.สีหนาท ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายสถาพร วัฒนาศิรินุกุล ผู้บริหารบริษัท เอส.ดับบลิว. โฮลดิ้งกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด อดีตพระวัดพระธรรมกาย ซึ่งรับเช็คมาจากนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น ผู้ต้องหาในคดียักยอกทรัพย์ ได้เข้าชี้แจงกับ ปปง.หลังถูกอายัดทรัพย์ ว่า คำชี้แจงของนายสถาพรคงไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะต้องเสนอให้คณะกรรมการธุรกรรมพิจารณาว่าจะเพิกถอนการอายัดทรัพย์หรือไม่ ในการประชุมวันที่ 17 มีนาคมนี้
ลุยสอบที่ดินธรรมกาย
เมื่อถามว่า ปปง.จะเข้าไปตรวจสอบสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน มงคลเศรษฐี ซึ่งมีชื่อรับเช็คจากนายศุภชัยด้วยหรือไม่ พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ส่วนประเด็นที่คณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตราการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เสนอให้ ปปง.ไปตรวจสอบการครอบครองที่ดินของวัดพระธรรมกายนั้น พ.ต.อ.สีหนาท ยืนยันว่า ปปง.ไม่ได้นิ่งเฉย กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
DSIทยอยส่งหหมายเรียกธรรมกาย
ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า พนักงาน สอบสวนมีมติให้ออกหมายเรียกผู้มีรายชื่อรับเช็คจากนายศุภชัย จำนวน 878 ฉบับ มาให้การ โดยขณะนี้เริ่มทยอยส่งหมายเรียกไปยังกลุ่มวัดพระธรรมกาย พระธัมมชโยและพระลูกวัดแล้ว ซึ่งในวันที่ 6 มีนาคมนี้ คณะพนักงานสอบสวนจะประชุมเพื่อกำหนดวันเวลาในการเข้าให้ปากคำอีกครั้ง เบื้องต้นผู้ถูกออกหมายเรียกมีสิทธิตามกฎหมายที่จะมอบให้ทนายความติดต่อกลับมายังพนักงานสอบสวนว่าจะมาพบและให้ปากคำตามหมายเรียกเมื่อใด รวมทั้งมีสิทธิแจ้งขอเลื่อนภายในระยะเวลาที่เหมาะสม
คิวบ.เหมืองแร่แจงเงินโอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 6 มีนาคมนี้ เวลา 10.00 น. นายกริชธารณ์เพชร ภาดาแดง เจ้าของบริษัทอิมพีเรียลรีซอร์ส ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัททำธุรกิจเหมืองแร่ใน ต.หนองบัว จ.นครสวรรค์ มีกำหนดเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ในประเด็นที่นายศุภชัยโอนเงินให้กับบริษัท เอส.ดับบลิว.ฯ ก่อนที่เงินดังกล่าวจะถูกโอนต่อไปยังบริษัทอิมพีเรียลฯ
สอบผู้เสียหายกว่า100ปาก
พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 3 กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ กล่าว ขณะนี้ทางคณะทำงานอยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดี นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตผู้บริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น กับพวกรวม 8 คน ยักยอกทรัพย์ สหกรณ์ยูเนี่ยน คลองจั่น มีมูลค่าความเสียหายกว่า 16,000 ล้านบาท หลังที่ดีเอสไอได้แบ่งการทำงานออกเป็น 5 ชุด ในการตรวจเช็ค 878 ฉบับ ที่จ่ายโดยนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เบื้องต้นได้มีการสอบปากคำผู้เสียหายซึ่งเป็นสมาชิกของสหกรณ์ฯ ไปแล้วกว่า 100 ปากรวมทั้ง เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมสหกรณ์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลสหกรณ์ทั่วประเทศ และหลังจากนี้จะทำการสอบปากคำเจ้าหน้าที่กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลระบบบัญชีของสหกรณ์ทั่วประเทศ
เชื่อ“ธัมมชโย”มาตามนัด
นอกจากนี้ยังเตรียมสอบปากคำ พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และกลุ่มพระในวัดพระธรรมกายที่มีรายชื่อรับเช็คจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำนวน 15 ฉบับ เป็นเงินกว่า 800 ล้านบาท โดยจะให้ชี้แจงในประเด็นที่มาที่ไปของเงิน รวมทั้งนำเงินไปใช้วัตถุประสงค์ใด หากไม่มาตามหมายเรียกก็จะมีการออกหมายเรียกซ้ำอีกครั้ง หากยังไม่มาพบอีกก็จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่เชื่อว่าพระธัมมชโยน่าจะเข้ามาให้ปากคำตามหมายเรียก โดยมีกำหนดตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคมนี้ เป็นต้นไป นอกจากนี้ ยังออกหมายเรียกนิติบุคคล บริษัท ห้างร้าน ที่มีชื่อรับเช็คจากสหกรณ์ฯในช่วงปี 2552-2555 ที่นายศุภชัยเป็นประธานกรรมการบริหารสหกรณ์ฯ และเป็นผู้สั่งจ่าย เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนดีเอสไอด้วย
เร่งสอบขุมทรัพย์วัดธรรมกาย
วันเดียวกัน พ.ต.ท.ปกรณ์ สุวชีวกุล หัวหน้าพนักงานสอบสวนชุดตรวจสอบความเชื่อมโยงทางการเงินระหว่างสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น กับวัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบสิ่งก่อสร้างภายในวัดพระธรรมกายเพื่อประเมินมูลค่าทรัพย์สินของวัด และหาความเชื่อมโยงของจำนวนเงินที่มีการยักยอกจากสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 10 มีนาคมเป็นต้นไป จะมีการสอบปากคำพระธัมมชโยและพระลูกวัดที่เกี่ยวข้องกับจำนวนเช็ค 878 ฉบับ รวมทั้งบุคคลและนิติบุคคลที่ชื่อปรากฏในเช็คทั้งหมด โดยจะทยอยสอบปากคำวันละ 3-4 คน ส่วนคดีจะรวดเร็วหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการให้ความร่วมมือของผู้เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตาม ในเรื่องอายุคดีความนั้น ยืนยันว่าไม่ต้องเป็นห่วง เนื่องจากคดียักยอกทรัพย์มีอายุความถึง 15 ปี ซึ่งจะเริ่มนับตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อปี พ.ศ.2552
พบโอนเงินต่ออีกหลายกลุ่ม
พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน หลังพบว่า นายศุภชัย โอนเงินให้กับพระธัมมชโย และวัดพระธรรมกายแล้ว ยังพบว่ามีการโอนเงินต่อไปยังบุคคลอื่นอีกจำนวนหลายกลุ่ม แต่ไม่สามารถระบุได้ว่ามีกี่คน ซึ่งมีการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านธนาคารกว่า 8-9 แห่ง ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าการติดตามเส้นทางการเงินนั้นเป็นเรื่องยากว่าจะเจอเงินจำนวนดังกล่าวนั้นไปสิ้นสุดปลายทางที่ใคร
หนักใจถ้า”ไซฟ่อนเงิน”ตามยาก
“ถ้ามีการรับเงินแล้วโอนเงินต่อไปในช่วง 1-2 วัน ก็จะตรวจสอบได้ง่าย แต่ถ้าโอนต่อเข้าไปที่วัดแล้วพักเงินไว้เป็นเวลานาน ก่อนที่จะโอนย้ายเงินให้กับบุคคลอื่นก็จะยากในการติดตามตรวจสอบว่าเงินไปสิ้นสุดที่ใด จุดนี้ถือว่ายากในการตรวจสอบเส้นทางการเงิน จะต้องใช้เวลามาก เพราะถ้าเขาไซฟ่อนเงิน คนที่เกี่ยวข้องในกระขบวนการนี้ก็จะต้องมีความพยายามยักย้ายถ่ายเทโอนเงิน เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่ติดตามเส้นทางการเงินได้” พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าว และยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการตรวจสอบนำเงินกลับคืนสู่สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ ทุกราย
โยนเทียนฉายยุบกก.ปฎิรูปฯ
ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีมีการเรียกร้องให้ยุบคณะกรรมการปฏิรูปฯ พระพุทธศาสนา ที่มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธานว่า รัฐบาลหรือ คสช.ไม่มีสิทธิ์จะไปจะยุบคณะกรรมการชุดนี้ ต้องไปถาม นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช.ที่เป็นผู้ตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้น และขอย้ำว่ารัฐบาลได้แยกเรื่องทางศาสนากับทางบ้านเมือง ประเด็นใดเป็นเรื่องทางศาสนา คณะสงฆ์ก็จะเป็นฝ่ายวินิจฉัย รัฐบาลจะทำในส่วนที่เกี่ยวกับทางบ้านเมือง เช่น กรณีเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ โดยเรื่องนี้ในวันที่ 6 มีนาคม เวลา 13.30 น.จะประชุมกับดีเอสไอ, ปปง. กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ สตช. เพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดี
เทียนฉายโบ้ยพระลุยกันเอง
ขณะที่ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช.ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางปฏิรูปพระพุทธศาสนาว่า หน้าที่ของ สปช.คือการให้ความเห็น ข้อเสนอแนะการปฏิรูป แต่ไม่มีหน้าที่ปฏิบัติการ ยืนยันว่า ทาง สปช.ไม่ได้ให้ความเห็นเรื่องการปฏิรูปที่เกี่ยวกับพระสงฆ์ ซึ่งพระสงฆ์ต้องจัดการชำระปัญหาและปฏิรูปกันเอง
พุทธะอิสระท้าสนพ.รีบฟ้อง
ด้านพระสุวิทย์ ธีรธัมโม หรือ หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม กล่าวถึงกรณี พระมหาโชว์ ทัสสนีโย ที่ปรึกษาสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา(สนพ.) และ นายเสถียร วิพรมมหา รักษาการนายก สนพ. ให้สัมภาษณ์ว่าจะไปแจ้งความร้องทุกข์ กรณีหลวงปู่พุทธะอิสระมีการกระทำผิดอาจเข้าข่าย พรบ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 และแก้ไขเพิ่มเติมโดยคณะสงฆ์ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2535 ในมาตรา 44 ทวิและมาตรา 44 ตรี หรือไม่ โดยมีพฤติกรรมการกระทำความผิดละเมิดต่อรักษาการสมเด็จพระสังฆราช มีโทษปรับ 20,000 บาท จำคุก 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ว่า อยากให้รีบๆ แจ้ง รีบๆ ฟ้อง ฉันกำลังรออยู่ ที่ฉันต้องแสดงพฤติกรรม ประจานกรรมการ มส.บางรูปอยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะอยากให้ฟ้อง อยากให้ตอบโต้ จะได้จบง่ายขึ้น ใครผิด ใครถูก จะได้พิสูจน์กันในชั้นศาล หากฉันผิดก็ยินดีจะสึกติดคุก แต่หากมหาเถรผิด ก็ต้องสึกและติดคุกเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี