ไพบูลย์ชิงปิดจ๊อบรื้อสงฆ์
ยุบกก.ปฏิรูป
นายกฯห้าม‘พระ’ชมนุม
DSI-ปปง.ฮึ่มยึดทรัพย์
6กลุ่มโยงเงินสหกรณ์
10มีค.สอบ‘ธัมมชโย’
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 มีนาคม ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นประธานการประชุมความคืบหน้าคดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นพร้อมคณะทำงานประกอบด้วย พ.ต.ท.สมบูรณ์ สาระสิทธิ์ ผบ.สำนักคดีอาญาพิเศษ 3 พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผอ.ส่วนตรวจ 2 หัวหน้าชุดตรวจสอบความเชื่อมโยงระหว่างสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และวัดพระธรรมกาย และ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ
พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า จากการตรวจสอบเช็คสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำนวน 878 ฉบับ เป็นเงิน 11,367 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่1 วัดพระธรรมกาย พระธัมมชโย พระครูปลัดวิจารณ์ มูลนิธิอุบาสิกาจันทร์ ฯลฯ จำนวน 43 ฉบับ 932 ล้านบาท กลุ่มที่ 2 ญาติธรรมและบุคคลใกล้ชิด นายศุภชัย ศรีศุภอักษร 27 ฉบับ348 ล้านบาท กลุ่มที่3 บริษัท เอส ดับบลิว โฮลดิ้ง และนายสถาพร วัฒนาศิริกุล 12 ฉบับ 272 ล้านบาท กลุ่มที่4 สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนมงคลเศรษฐี 3 ฉบับ 46 ล้านบาท กลุ่มที่5 นายวัฒน์ชานนท์ นวอิสรารักษ์ นายจิรเดช วรเพียรกุล และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนรัฐประชา 135 ฉบับ 2,566 ล้านบาท และกลุ่มที่6 นิติบุคคล ,เงินโอนภายในประเทศและต่างประเทศ,ถอนเงินสด,แคชเชียร์เช็ค,โอนผ่านเน็ต,ถอน ECS,โอนทางอินเตอร์เน็ตฯลฯ 658 ฉบับ 7,203 ล้านบาท
ประสานปปง.ลุยยึดทรัพย์ต่อ
พ.ต.ท.สมบูรณ์ กล่าวว่า หลังจากนี้ทางดีเอสไอจะประสานการทำงานกับ ปปง. อย่างใกล้ชิดเพื่อเป็นการสนับสนุนข้อมูลการฟอกเงินให้มีการดำเนินคดีอาญาได้ ซึ่งจะมีการยึดอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้ ส่วนกรณีที่ นายศุภชัย ออกมาแถลงข่าวว่าได้คืนเงินที่ยืมจากสหกรณ์ฯในช่วงปี 2552-2553 จำนวน 634 ล้านบาท หมดแล้วนั้น พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบยังไม่พบว่านายศุภชัย คืนเงินมาแล้ว โดยทางดีเอสไอจะนำมาประกอบการพิจารณาเป็นหลักฐานชิ้นหนึ่งเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีการเรียกนายศุภชัย มาให้ปากคำเพิ่มเติม
คิว“ธัมมชโย”ให้ปากคำ10มีค.
ทั้งนี้ ยังพบความผิดปกติสัญญากู้ 27 ฉบับ ซึ่งผู้กู้ไม่ได้ลงลายมือชื่อเป็นหลักฐาน ส่วนสัปดาห์หน้าที่จะมีการเรียกผู้รับเช็คจำนวน 878 ฉบับ มาสอบปากคำด้วยทั้งหมด โดยจัดลำดับความสำคัญของกลุ่มผู้รับเช็ค โดยกลุ่มแรกจะเป็นกลุ่มพระและวัดจำนวน 4 ราย 1.พระครูปลัดวิจารณ์ วันที่ 9 มีนาคม เวลา 10.00 น. 2.พระธัมมชโย วันที่ 10 มีนาคม เวลา 10.00 น. พระมนตรี สุตาภาโส วันที่ 11 มีนาคม เวลา 10.00 น. และนายสถาพร วัฒนาศิริกุล วันที่ 13 มีนาคม เวลา 14.00 น.ส่วนกลุ่มนิติบุคคลซึ่งมีจำนวนหลายรายที่นายศุภชัย สั่งจ่ายเช็คจำนวน 200 ฉบับ จะเรียกสอบปากคำเช่นกัน โดยทางกลุ่มพระและวัดพระธรรมกายยังไม่มีการตอบรับเข้าให้ปากคำ
จี้คกก.ฟื้นฟูฯลาออกยกชุด
ต่อมา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงดีเอสไอ เพื่อให้ตรวจสอบคณะผู้บริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นชุดปัจจุบัน เนื่องจากไม่มั่นใจในการบริหารที่อาจไม่โปร่งใส เพราะในแผนฟื้นฟูกิจการสหกรณ์นั้น กลับมีรายชื่อสหกรณ์ 2 แห่ง ประกอบด้วย สหกรณ์ออมทรัพย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจแห่งชาติ จะได้รับเงินเป็นอันดับแรกๆ หลังจากนั้นผู้ที่ฝากเงินกับสหกรณ์ฯ คลองจั่นจึงจะได้เงินในระยะเวลา 5 ปี โดยมีผลตอบแทนให้ร้อยละ 15 จึงเรียกร้องให้คณะกรรมการฟื้นฟูกิจการสหกรณ์ฯ คลองจั่น ลาออกทั้งชุดภายในสัปดาห์หน้า
มหาโชว์ร้องเอาผิดหลวงปู่
เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ที่กองบังคับการปราบปราม (ก.ป.) พระมหาโชว์ ทัสสนีโย ที่ปรึกษาสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา(สนพ.) และ นายเสถียร วิพรมหา รักษาการนายก สนพ. เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.วีรยุทธ ไชยสุระ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับ พระสุวิทย์ ธีรธัมโม หรือ พระพุทธอิสระ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม กรณีนำมวลชนไปบุกรุกวัดปากน้ำภาษีเจริญ ซึ่งเป็นที่พำนักของผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยนำพยานหลักฐานเป็นเอกสาร ภาพประกอบการกระทำความผิด และข้อความที่โพสลงในเฟซบุ๊ค มามอบให้กับพนักงานสอบสวนไว้เพื่อตรวจสอบ
ชี้ทำเรื่องไม่เหมาะสม
พระมหาโชว์ กล่าวว่า พฤติกรรมของพระสุวิทย์ ทำเรื่องที่ไม่เหมาะสมหลายๆ เรื่อง เช่น การปลุกระดมมวลชนเข้าไปข่มขู่คุกคามผู้ปฎิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ใช้คำพูดข่มขู่คุกคามกล่าวร้าย ใช้ถ้อยคำรุนแรง ก่อให้เกิดความแตกแยกอย่างรุนแรงในสังฆมณฑลอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน นอกจากนี้ยังนำสิ่งของสกปรกที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นกางเกงใน ผ้าอนามัย หรือ ดอกไม้จันทน์ ซึ่งอ้างว่าเป็นของสังฑทานไปถวาย ถือเป็นการลบหลู่ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชอย่างร้ายแรง ซึ่งน่าจะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 44 ทวิ และ มาตรา 44 ตรี จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสอบสวน และดำเนินคดีตามกฎหมาย
ศุภชัยรับแอบยืมเงินสหกรณ์
เช้าวันเดียวกัน นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เปิดแถลงชี้แจงกรณีที่มีข่าวว่า ตนเองได้ยักยอกเงินของสหกรณ์ฯ ไปบริจาคให้กับวัดพระธรรมกาย เป็นจำนวนกว่า 1 พันล้านบาท โดยยอมรับว่า ได้นำเงินของสหกรณ์ฯ ไปบริจาคให้กับวัดพระธรรมกายและพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายจริง แต่เป็นลักษณะของการยืมเงิน ซึ่งที่ผ่านมา ก็ได้คืนเงินให้กับสหกรณ์ฯ ครบถ้วนแล้ว โดยมีหลักฐาน เป็นรายงานของผู้สอบบัญชีประจำปี ซึ่งมีมติรับรองของที่ประชุมใหญ่ในปี 2552 และ 2553 พร้อมทั้งยืนยันว่า เรื่องนี้พระธัมมชโยและวัดพระธรรมกาย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
คกก.ปฏิรูปฯแถลงจบภารกิจ
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แถลงว่า ตามที่ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช. มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยให้มีหน้าที่วิเคราะห์ประเด็นปัญหาของพุทธศาสนา 4 ประการ คือ 1.ศาสนสมบัติของวัดและของพระภิกษุสงฆ์ 2.ปัญหาของพระสงฆ์ที่ไม่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย 3.การทำให้พระวินัยวิปริต 4.เรื่องของฝ่ายอาณาจักรที่ต้องเข้าไปสนับสนุนปกป้องกิจการของฝ่ายศาสนาจักรนั้น ขณะนี้คณะกรรมการฯ ได้ทำหน้าที่เสร็จสิ้นแล้ว โดยจัดการประชุม 5 ครั้ง เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง ทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนา(พศ.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งได้ข้อมูลครบถ้วนรอบด้านแล้ว จึงได้ทำหนังสือสรุปรายผลการศึกษา ถึงประธาน สปช. ลงวันที่ 6 มีนาคม ทั้งนี้ ถือว่าคณะกรรมการฯ ได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แล้ว ได้ผลเกินความคาดหมาย ทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตัว
ไม่เชื่อคณะสงฆ์จัดการกันเอง
ขณะที่ พระพุทธะอิสระ กล่าวถึงกรณีที่ถูกมองว่า ออกมาเคลื่อนไหวสอดรับกับคณะกรรมการปฏิรูปฯ พระพุทธศาสนา โดยยืนยันว่า ไม่ได้ทำงานร่วมกับนายไพบูลย์ ประธานคณะกรรมการฯ แต่มีหลักคิดคล้ายกัน คือ อยากปฏิรูปวงการคณะสงฆ์ ถนอมรักษาพระธรรมวินัย โดยเห็นว่า พุทธศาสนา พระธรรมวินัยไม่ต้องการปฏิรูป แต่ที่ต้องปฏิรูปคือกิจการสงฆ์ และคณะสงฆ์ ซึ่งมีปัญหาเป็นวิกฤตศรัทธา และเชื่อว่า นายไพบูลย์ ถูกบีบคั้นให้ออกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ไม่เชื่อว่าคณะสงฆ์จะจัดการพวกเดียวกันได้ เพราะหากทำได้จริงก็คงไม่มีกรณี เจ้าคุณเสนาะ อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ที่โกงเงินงบประมาณหลวงกว่า 67 ล้าน และไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับตัวเงินที่ใช้ โดยบทลงโทษมีการลดยศปลดตำแหน่งแล้วก็ให้อภัยกันนั้น แสดงว่าพระธรรมวินัยไม่ต้องใช้แล้ว มหาเถรไม่ต้องใช้พระธรรมวินัย แต่ใช้เพียงคำว่าพวกพ้อง
ทวงเงินอุดหนุน67ล.คืน
ด้าน นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กล่าวว่า กรณีเงินอุดหนุนวัดสระเกศ จำนวน 67 ล้านบาทนั้น ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนสรุปรวบรวมพยานหลักฐาน ว่านำไปใช้จ่ายในลักษณะใด ซึ่งในขั้นต้นพบว่าการใช้จ่ายไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ เพราะยังมีความเคลือบแคลงใจในหลักฐานประกอบการใช้จ่าย เพราะเงินของวัดมีที่มาจากหลายส่วน คำชี้แจงยังมีข้อพิรุธโดยเฉพาะเรื่องโต๊ะหมู่บูชา ซึ่งมีเจ้าภาพในการจัดหา ซึ่งจะขอให้ผู้รับผิดชอบส่งเงินจำนวนดังกล่าวคืนเนื่องจากหากมีเจ้าภาพจัดหาก็ไม่ควรที่จะใช้เงินงบประมาณของแผ่นดิน
วิษณุพอใจคดีสหกรณ์ฯคืบ
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีเกี่ยวกับสหกรณ์ออมทรัพย์สหยูเนียน คลองจั่น อาทิ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ปปง. กรมส่งเสริมสหกรณ์ มาชี้แจงการดำเนินการ ว่า ตนพอใจการทำงานของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งขณะนี้มีการดำเนินการเรื่องที่เป็นคดีอาญากับ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์ฯ และพวกรวม 3 คดี ในข้อหาฉ้อโกงประชาชนและความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ซึ่งอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวนและอัยการ ยังไม่ได้มีการฟ้องร้องต่อศาล นอกจากนี้ยังมีคดีทางแพ่งที่สหกรณ์ฯ ฟ้องเรียกเงินกับนายศุภชัยและพวกอีก 3 คดีเช่นกัน ซึ่งศาลนัดพิจารณาคดีในช่วงปลายเดือนเมษายน
16มีค.เคลียร์684ล.หน้าศาล
นายวิษณุ กล่าวว่า กรณีที่สหกรณ์ฯ ดำเนินคดีกับวัดพระธรรมกายและพระที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นเรื่องหนึ่งที่มีอีกหลายคดี และขณะนี้ทั้งโจทก์และจำเลยได้ตกลงรับข้อเท็จจริงว่า เงินที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายทั้งให้กับพระและวัดได้ประโยชน์ หรือที่วัดได้รับประโยชน์โดยตรงมีทั้งสิ้น 684 ล้านบาท ซึ่งในวันที่16 มีนาคม ผู้ที่เกี่ยวข้องจะเดินทางไปศาลเพื่อตกลงกันต่อหน้าศาลว่าจะทำอย่างไรต่อไป ส่วนจะต้องคืนเงินอย่างไรหรือไม่นั้น ก็จะมีความชัดเจนในวันดังกล่าว ส่วนกรณีที่มีพระรับเงินไปแต่ไม่เกี่ยวข้องกับวัดนั้นก็ให้ไปเรียกจากพระองค์นั้นเสียเอง และทราบมาว่าทางวัดพระธรรมกายจะจัดตั้งกองทุนรับบริจาคเพื่อหาเงินมาคืนสหกรณ์ฯ
เชื่อสงฆ์2ฝ่ายเข้าใจกันแล้ว
ส่วนกรณีที่พระสงฆ์ทั้ง 2 ฝ่าย นัดชุมนุม ในวันที่ 12 มีนาคมนี้ นายวิษณุ ระบุว่า ตนได้รับรายงานมาเป็นระยะ แต่ไม่อยากพูดอะไร และเชื่อว่า นาทีนี้ คงจะมีการทำความเข้าใจกันได้แล้ว เนื่องจากทุกฝ่ายเริ่มเห็นข้อเท็จจริงกับเรื่องที่เกิดขึ้น ว่ารัฐบาลไม่มีอำนาจในการยุบคณะกรรมการปฏิรูปฯ พระพุทธศาสนา และคณะกรรมการดังกล่าวก็ยุบตัวเองลงไปแล้ว กระแสก็เบาลงไป
“บิ๊กตู่”ห้ามพระชุมนุม12มีค.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึง การนัดรวมตัวกันเดินขบวนเรียกร้องของกลุ่มพระสงฆ์ ในวันที่ 12 มีนาคมนี้ หากรัฐบาลยังไม่ยุบคณะกรรมการปฏิรูปฯพระพุทธศาสนา ว่า ตนขอห้ามไม่ให้มีการเดินขบวน และสั่งการให้ตำรวจห้ามปรามด้วย โดยขอนมัสการให้หลวงพี่ที่จะออกมารวมตัวกันนั้นกลับวัด ส่วนเรื่องความขัดแย้งของพระสงฆ์ที่เกิดขึ้น ก็ให้เป็นเรื่องของคณะสงฆ์ แต่รัฐบาลก็ต้องเข้าไปดูด้วย โดยจะต้องทำหน้าที่ในลักษณะของฆราวาส
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี