11 มี.ค.58 ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นพ.มโน เลาหวณิช ประธานกรรมการที่ปรึกษามูลนิธิชีวันตารักษ์ อดีตพระเมตตานันโท พระวัดพระธรรมกาย รุ่นแรก เดินทางเข้าพบ ร.ต.ท.ธิติ เปฏะพันธุ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ดูแลเว็บไซต์เฟซบุ๊ค "ตื่นเถิดชาวพุทธ-Wake Up Buddhist" ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลปลอมหรือข้อมูลอันเป็นเท็จในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน โดยนำเอกสารจากเฟซบุ๊คดังกล่าว มามอบให้พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน
นพ.มโน กล่าวว่า วันเดียวกันนี้ ตนเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับทางวัดพระธรรมกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระภาวนาวิริยคุณ (หลวงพ่อทัตตชีโว) รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ที่เขียนเรื่องถอดเทปเป็นการหมิ่นประมาท ทั้งครอบครัวและประวัติส่วนตัวของตน ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก แล้วยังเป็นการปลุกระดมให้เกิดความเกลียดชังตน ทั้งที่ได้ออกมาพูดความจริงเกี่ยวกับคดีวัดพระธรรมกาย ว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรบ้าง แล้วก็ทำหน้าที่ในคณะกรรมาธิการของ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เลยกลายเป็นเป้าในการโจมตี
"เขาบอกว่าผมเป็นคนเนรคุณ เข้ากับใครไม่ได้ เล่าไปตั้งแต่สมัยอนุบาล สมัยผมเป็นนักเรียนเล่นยูโด ซึ่งมีอยู่ 2 คนเท่านั้นที่จะรู้ นั่นคือ เจ้าอาวาสและรองเจ้าอาวาส แล้วการเอ่ยถึงแบบนี้ ก็รู้ได้เลยว่าใครเขียน ใครพูด แล้วถอดเทปออกมา เพราะฉะนั้นไม่ต้องรอการชี้ชัดเลย เนื่องจากข้อมูลชี้ชัดเลยว่าใครพูดแล้วมีการถอดเทป" นพ.มโน กล่าว และว่า มีการโจมตีบุคลิกของตนก็ขุดมาหมดเท่าที่จะโจมตีได้
นพ.มโน กล่าวต่อว่า ตนอยากจะขอให้ทางตำรวจ บก.ป.จัดกำลังตำรวจคุ้มครองตนด้วยในฐานะที่เป็นพยานปากสำคัญในคดีวัดพระธรรมกาย สำหรับข้อมูลต่างๆ ที่เป็นการหมิ่นประมาทตนนั้นอยู่ในเฟซบุ๊คตื่นเถิดชาวพุทธ ซึ่งมีการใช้คำพูดที่รุนแรง เข้าข่ายหมิ่นประมาทอย่างโจ๋งครึ้ม ว่าตนตั้งแต่เด็ก ไล่มาจนกระทั่งมาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งไม่เป็นธรรม เป็นการโจมตีโดยใช้อารมณ์ เอาเรื่องเท็จมาทำให้เกิดความเกลียดชังเพราะลูกศิษย์วัดพระธรรมกายก็เยอะอยู่แล้ว
อดีตพระวัดพระธรรมกาย กล่าวอีกว่า เท่าที่ผ่านมา นับตั้งแต่มีคดีของวัดพระธรรมกาย มาแต่เดิมผู้ที่กล่าวหาวัดแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามก็จะถูกคุกคามตลอดเวลา เรื่องนี้ตนก็ได้รับการตักเตือนจากผู้ใหญ่ และคนที่รู้จักหลายคน ว่าให้ระวังตัวให้มาก เพราะกำลังตกเป็นเป้าของการโจมตี นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม เพราะไม่เช่นนั้นแล้วประเทศเราก็จะกลายเป็นที่อยู่ของผู้มีอำนาจแล้วใช้อำนาจในทางมิชอบ ที่ผ่านมาตนเคยบวชที่วัดดังกล่าว และเป็นกรรมการอาวุโสของวัด เป็นคนที่ใกล้ชิดกับเจ้าอาวาส และรองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย อย่างมาก ได้รับทุนไปเรียนในต่างประเทศ
"เหตุที่สึกออกมาเพราะรับไม่ได้กับความไม่ชอบมาพากลในวัด ตอนนั้นผมได้เขียนหนังสือเรื่อง เหตุเกิด พ.ศ.1 ก็กลายเป็นหนังสือที่นักวิชาการชอบมาก เพราะเป็นการค้นประวัติพระพุทธเจ้าตั้งแต่ก่อนปรินิพพานจนปฐมสังคยานา หนังสือนี้ก็ถูกคณะสงฆ์แบน และมีการประชุมสงฆ์สั่งห้ามไม่ให้พระสังฆาธิการทั้งในและต่างประเทศรับเข้าไปอยู่ในวัด จึงหาวัดอยู่ไม่ได้อยู่พักใหญ่ ก็มีผู้ที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวครั้งนั้น" นพ.มโน กล่าว
ต่อข้อถามเรื่องกรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น นั้น นพ.มโน กล่าวว่า เรื่องนี้ผู้ที่เป็นสมาชิกสหกรณ์และเป็นลูกศิษย์วัดดังกล่าวเป็นผู้ที่น่าสงสาร ต้องเป็นเหยื่อของเจ้าอาวาสที่ต้องไปรับเช็ค แล้วก็มีบริษัทอีกเป็นจำนวนมากที่อยู่ในเครือวัดพระธรรมกาย ทางเข้าจากวัด เข้าไปสู่ในธุรกิจภาคต่างๆ ซึ่งตนคิดว่ามีเป็นร้อยบริษัทแล้ว ก็จะเลือกเฉพาะคนที่สั่งได้ บังคับบัญชาให้ทำตามได้ ทั้งการรับเงินหรือเอาเงินออกก็ดี ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับเงินสดที่ถอนออกไป ที่ตั้งก็เป็นสาขาของวัด น่าเป็นห่วงมาก
นพ.มโน กล่าวว่า คดีที่สหกรณ์ดังกล่าวมีระยะเวลาผ่านมา 2 ปีแล้ว มีผู้ได้รับความเดือดร้อนหลายหมื่นคน ก็มีหลายคนที่มาหาตน แล้วบอกว่าไม่รู้จะทำยังไง ไม่มีที่พึ่งจริงๆ ธัมมชโย ก็บอกแล้วว่าจะไม่คืนเงินส่วนนี้เขาจะเยียวยาแทน หมายความว่าเขาไม่ผิด ท่านถือว่าท่านทำถูกหมด ส่วนกรณีที่มีการหมิ่นประมาทตน ยังมีการทำคลิปวีดีโอออกมาเมื่อ 2 วันก่อนหน้านี้ และมีรถตู้ซึ่งกระจกรถติดฟิล์มดำ ขับตามตนมาตลอด เข้าไปซอยไหน ออกถนนใหญ่ก็ขับตาม ก็เหมือนการข่มขู่
นพ.มโน กล่าวอีกว่า ในส่วนของธัมมชโย เท่าที่ทราบคือท่านมีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน แต่อย่างอื่นตนไม่ทราบ แต่ก็คิดไว้อยู่แล้วว่ากรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรียกให้เข้าพบนั้น ท่านก็คงไม่ไปแน่นอน ท่านก็คงจะขอเลื่อนและเตะถ่วง คดีนี้กว่าจะเสร็จคงใช้เวลาเป็นปี เพราะต่อให้ศาลชั้นต้นตัดสินแล้ว ก็คงมีการอุทธรณ์และฎีกาอีก จะอีกกี่รัฐบาลกว่าคดีจะสิ้นสุด ครั้งที่แล้ว 52 คดี ก็หลุดหมด เกิดอะไรขึ้น อันนี้ก็ถือว่าเป็นคดีเล็กๆ สำหรับธัมมชโย ท่านก็คงจะเลื่อนไปเรื่อยๆ เท่าที่ทำได้ เป็นการเอาชนะคะคานกระบวนการยุติธรรม
"เรากำลังพูดถึงวัดที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีอิทธิพลทางการเมืองด้วย อันนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายกระบวนการยุติธรรมของประเทศเรา ว่าต่อไปเราจะอยู่กันยังไงถ้าความยุติธรรมไม่มี ใครมีอำนาจก็ทำอะไรได้ตามใจชอบ ใช้คนมากพวกมากอย่างนั้นรึเปล่า ถ้าเราไม่แก้ปัญหา ปฏิรูปกันตั้งแต่ตอนนี้แล้ว ศาสนาก็จะเป็นเรื่องที่ทำให้ประชาชนตกเป็นเหยื่ออีกเป็นจำนวนมาก ผมตั้งธงไว้อย่าเดียวเลย คือ อยากเห็นพระที่เป็นพระ รักษาศีลได้ครบ อยากเห็นวัดที่เป็นวัดเป็นที่รวมใจประชาชน เป็นที่ทำให้ช่องว่างระหว่างประชาชนมันน้อยลง ไม่ใช่เอาแต่คนมีสตางค์แล้วหลอกลวงเอาเงินจากคนทุกระดับ" นพ.มโน กล่าว
นพ.มโน กล่าวต่อว่า เรื่องเงินบริจาคของวัดแห่งนี้เป็นเรื่องที่ลึกลับมาก ไม่เคยมีใครที่รู้ว่าเงินบริจาคของวัดมีอยู่จำนวนเท่าไหร่ต่อวัน ต่อเดือน ต่อปี เงินบริจาคไม่เคยมีการประกาศ ว่าได้จากการทอดกฐินเท่าไหร่ ทอดผ้าป่าเท่าไหร่ เป็นวัดแห่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่เคยประกาศ พระในวัดหรือญาติโยมไม่มีใครทราบ มีเพียงเจ้าอาวาสเท่านั้นที่รู้
"ส่วนเรื่องการนำเงินไปใช้สร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่มี นายศุภชัย ศรีศุภอักษร เป็นไวยาวัจกรขณะนั้น ก็เป็นคนหนึ่งที่เข้ามาตอนหลัง แกตั้งสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น แต่ยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จมาประสบความสำเร็จที่สหกรณ์มงคลเศรษฐี แล้วให้คนที่มาทำบุญกับวัดได้กู้เงิน ผ่อนส่งกับสหกรณ์แห่งนี้ ใครทำบุญกับวัดก็ปล่อยกู้ให้ ดอกเบี้ยร้อยละ 12 แต่เงินปัจจุบันก็เบิกไม่ได้ เอาเงินไปใส่อีกสหกรณ์หนึ่งทำให้ดูหน้าตาดี เอาดอกเบี้ยร้อยละ 10 นี่คือปัญหา ในที่สุดเงินก็มีการลำเลียงออกไปถอนออกไปจนไม่มีเหลือก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะล้มละลายหรือไม่" นพ.มโน กล่าว
ด้าน ร.ต.ท.ธิติ กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้รับเรื่องและสอบปากคำผู้ร้องไว้ก่อนจะนำเรื่องเสนอผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี