ครม.อนุมัติเว้นภาษีเงินได้โรงเรียนเอกชน
พร้อมเรียกเก็บภาษีจากโรงเรียนกวดวิชา
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2558 อนุมัติ มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนกิจการโรงเรียนเอกชนและปรับปรุงการจัดเก็บภาษีโรงเรียนกวดวิชา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อสร้างความเป็นธรรมและโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการศึกษา อย่างมีคุณภาพและทั่วถึงของประชาชนทุกระดับ โดยครม.เห็นชอบ ร่างพระราชกฤษฎีกาและร่างกฎกระทรวง จำนวน 5 ฉบับ ซึ่งมีหลักการสำคัญคือ ให้ยกเว้นการจัดเก็บภาษีเงินได้จากกำไรสุทธิ หรือผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจากกิจการ โรงเรียนเอกชน ที่ตั้งขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนหรือกิจการโรงเรียนของสถาบันอุดมศึกษาเอกชน รวมถึงภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ อากรแสตมป์ สำหรับการโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือการบริจาคที่ดิน ทรัพย์สิน ให้กับโรงเรียนเอกชน และการโอนกลับคืนเมื่อเลิกกิจการ ก็จะไม่มีการจัดเก็บภาษีเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ยังเว้นภาษีให้แก่ผู้อำนวยการ ผู้บริหาร ครู หรือบุคลากรทางการศึกษาในโรงเรียนเอกชน สำหรับเงินหรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ได้รับจากกองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน เมื่อมีเหตุต้องออกจากงานเพราะเกษียณอายุ ทุพพลภาพ หรือเสียชีวิต
สำหรับในส่วนของโรงเรียนกวดวิชาที่มีลักษณะเป็นการประกอบธุรกิจนั้น ครม.เห็นชอบให้กระทรวงการคลัง มีการจัดเก็บภาษีเงินได้ เพื่อสร้างความเป็นธรรมในระบบภาษี จากเดิมที่ได้รับการยกเว้น เนื่องจากเห็นว่าปัจจุบันโรงเรียนกวดวิชาส่วนใหญ่มุ่งทางการค้าและแสวงหากำไร เช่นเดียวกับการประกอบธุรกิจอื่นๆ และมีอัตราการเติบโตทางธุรกิจสูงมาก โดยคาดว่ากระทรวงการคลังจะมีรายได้จากการจัดเก็บประมาณ 1,200 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ คาดการณ์ว่า มูลค่าการตลาดโรงเรียนกวดวิชาในปี 2558 จะสูงถึง 8,189 ล้านบาท และมีโรงเรียนกวดวิชาราว 2,000-3,000 แห่งทั่วประเทศ ที่เข้าข่ายต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากปัจจุบันที่ไม่ต้องเสียภาษีเลย
พล.ต.สรรเสริญกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า การงดเว้นการจัดเก็บภาษี โรงเรียนเอกชนเพื่อให้มีศักยภาพในการพัฒนาให้การศึกษาที่มีคุณภาพสำหรับเด็กเยาวชน ส่วนโรงเรียนกวดวิชา หากจะกล่าวไปแล้ว เป็นเรื่องที่เกินความจำเป็น หากจะเปรียบก็คงใกล้เคียงกับสินค้าฟุ่มเฟือย คือไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต แต่ก็ถือเป็นอิสระและความต้องการเฉพาะบุคคลที่จะเลือกมีหรือไม่มี ทั้งนี้ครม. ยังได้มอบนโยบายให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดกำกับติดตามการปรับปรุงคุณภาพมาตรฐาน ในการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษาต่างๆ ให้มีความทัดเทียมกัน เพื่อให้นักเรียนเข้าถึงบริการทางการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม รวมทั้งเพื่อลดแรงจูงใจและความจำเป็นในการกวดวิชาเพิ่มเติม โดยเพิ่มศักยภาพของโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนสามารถใช้เวลากับการศึกษาในระบบโรงเรียนได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี