ทฤษฎี EF เพื่อการปฏิรูปการศึกษาไทย
อย่าปล่อยให้ช่วงเวลาทองผ่านพ้นไป
เมื่อวันพุธที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัว แถลงข่าวทฤษฎี EF ทักษะการคิดเพื่อชีวิตที่สำเร็จ โดย สถาบัน อาร์แอลจี ซึ่งมี คุณสุภาวดี หาญเมธี ประธานสถาบันอาร์แอลจี และ รศ.ดร.นวลจันทร์ จุฑาภักดีกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา ศูนย์วิจัยประสาท วิทยาศาสตร์ สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล มหาวิทยาลัยมหิดลเป็นผู้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับ ทฤษฎี EF อย่างละเอียด
คุณสุภาวดี หาญเมธี ประธานสถาบันอาร์แอลจี (รักลูก เลิร์นนิ่ง กรุ๊ป) เปิดเผยว่า EF (Executive Functions) เป็นกระบวนการทางความคิด (Mental process) ในสมองส่วนหน้า ที่เกี่ยวข้องกับการคิดความรู้สึก และการกระทำ เช่น การยั้งใจคิดไตร่ตรอง การควบคุมอารมณ์ การยืดหยุ่นทางความคิด การตั้งเป้าหมายวางแผน ความมุ่งมั่น การจดจำและเรียกใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดลำดับความสำคัญของเรื่องต่างๆ และการทำสิ่งต่างๆ อย่างเป็นขั้นเป็นตอนจนบรรลุความสำเร็จ ซึ่งเป็นทักษะที่มนุษย์เราทุกคนต้องใช้ เพื่อให้เกิดความสำเร็จในการเรียน การทำงาน รวมทั้งการมีชีวิตครอบครัว ทักษะ EF นี้นักวิชาการระดับโลกยืนยันแล้วว่าสำคัญกว่า IQ
ทั้งนี้ มีงานวิจัยชัดเจนว่า เด็กในช่วงวัย 3-6 ปีจะเป็นช่วงเวลาทองของชีวิตในการพัฒนาทักษะ EF ให้กับเด็ก เพราะสมองจะมีการพัฒนาทักษะ EF ได้ดีที่สุด หากพ้นจากช่วงเวลานี้ไปถึงวัยเรียน วัยรุ่น หรือวัยผู้ใหญ่ตอนต้น แม้จะยังพัฒนาได้ แต่ก็จะไม่ได้ดีเท่ากับช่วงปฐมวัย
ประธานสถาบันอาร์แอลจี เปิดเผยให้ทราบต่อไปว่า EF หรือ Executive Functions จะประกอบด้วยทักษะ 9 ด้าน คือ 1.Working memory ความจำที่นำมาใช้งาน ความสามารถในการเก็บข้อมูล ประมวล และดึงข้อมูลที่เก็บในคลังสมองของเราออกมาใช้ตามสถานการณ์ที่ต้องการ 2.Inhibitory Control การยั้งคิด และควบคุมแรงปรารถนาของตนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จนสามารถหยุดยั้งพฤติกรรมได้ในกาลเทศะที่สมควร 3.Shift หรือ Cognitive Flexibility การยืดหยุ่นความคิด สามารถปรับเปลี่ยนความคิดให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปยืดหยุ่นพลิกแพลงเป็น เห็นทางออกใหม่ๆ และคิดนอกกรอบ” ได้ 4.Focus/Attention การใส่ใจจดจ่อ มุ่งความสนใจอยู่กับสิ่งที่ทำอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาหนึ่งๆ โดยไม่วอกแวก 5.Emotional Control การควบคุมอารมณ์ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม จัดการกับความเครียดความเหงาได้มีอารมณ์มั่นคง และแสดงออกแบบที่ไม่รบกวนผู้อื่น 6.Planning and Organizing การวางแผนและการจัดระบบดำเนินการ เริ่มตั้งแต่การตั้งเป้าหมาย การเห็นภาพรวม จัดลำดับความสำคัญ จัดระบบโครงสร้าง จนถึงการแตกเป้าหมายให้เป็นขั้นตอน 7.Self-Monitoring การรู้จักประเมินตนเอง รวมถึงการตรวจสอบการงานเพื่อหาจุดบกพร่อง และรู้ตัวว่ากำลังทำอะไร ได้ผลอย่างไร 8.Initiatingการริเริ่มและลงมือทำงานตามที่คิด เมื่อคิดแล้วก็ลงมือทำไม่ผัดวันประกันพรุ่ง 9.Goal-Directed Persistence ความพากเพียรมุ่งสู่เป้าหมาย เมื่อตั้งใจและลงมือทำแล้วมีความมุ่งมั่นบากบั่น ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดๆ ก็พร้อมฝ่าฟันจนถึงความสำเร็จ
ปัจจุบันโลกในศตวรรษที่ 21 ได้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และซับซ้อนมาก เด็ก เยาวชน หรือ ผู้ใหญ่ หากทักษะ EF บกพร่อง ชีวิตอาจติดหล่ม อาจตกเป็นทาสของสิ่งเร้าทั้งหลาย อาทิ ยาเสพติด การพนัน แอลกอฮอล์ ฯลฯ ได้ง่ายกว่า แต่หากได้รับการฝึกฝนทักษะ EF มาดี บุคคลก็จะคิดวิเคราะห์เป็น มีหลักการวิธีคิดมีการไตร่ตรอง สามารถตัดสินใจได้เหมาะสมเป็นคนที่ทำงานเป็น รู้จักวางแผนก่อนลงมือทำเป็นระบบ หากทำไปแล้วเกิดอุปสรรค ก็ลุกขึ้นสู้ต่อได้ รู้จักแก้ไข หรือคิดค้นหาทางออกใหม่ๆ ไม่ยึดติดอยู่กับกรอบความคิดเดิมๆ นอกจากนี้ ยังสามารถจัดสัมพันธภาพได้ดี เพราะรู้จักควบคุมอารมณ์ และพฤติกรรมตนเอง จนเป็นที่ยอมรับของเพื่อนร่วมงาน หรือคนในครอบครัวEF จึงเป็นพื้นฐานของทักษะสำคัญที่ต้องมีในศตวรรษที่ 21 นั่นเอง
คุณสุภาวดี หาญเมธี เชื่อมโยงระบบ EF เข้าไปสู่ระบบทางการศึกษาของไทย ว่า ประเทศไทยกำลังจะปฏิรูปการศึกษา แต่เราไม่ได้พูดกันเลยว่า อะไรสำคัญที่สุดสำหรับเด็กไทย ดิฉันอยากทบทวนว่า ถ้าเป้าหมายที่ประเทศชาติต้องการคือ เด็กไทยคิดเป็น ทำเป็นแก้ปัญหาเป็นอยู่กับคนเป็น มีความสุขเป็น หรือ “เก่ง ดี มีสุข” นั้น หากสมองของพวกเขาไม่ได้รับการพัฒนาให้มีทักษะความสามารถที่จะคิดเป็น ที่จะทำเป็น ที่จะหาความสุขเป็น ตั้งแต่วัยที่ควรฝึกแล้ว เมื่อโตขึ้นสมองของเขาจะทำเป็นได้อย่างไร สมองส่วนหน้าถ้าขาดโอกาสหรือเสียหายไปตั้งแต่เล็กแล้ว โตขึ้นจะฟื้นไม่ได้ง่ายๆ ฉะนั้น ถ้าจะปฏิรูปการศึกษาเพื่อคุณภาพเด็กไทย ต้องพูดเรื่องการพัฒนาทักษะ EFอย่างจริงจัง ไม่เช่นนั้น เราไม่มีวันได้ผลลัพธ์ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้เด็ดขาด
ทั้งนี้ คุณสุภาวดีชี้แจงว่า การนำ EF ไปใช้ ไม่ใช่เป็นการไปเพิ่มบทเรียน ทฤษฎีใหม่ หรือภาระใหม่ให้กับพ่อแม่หรือครู ไม่ต้องมีอุปกรณ์แพงๆ แต่พ่อแม่หรือครูต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจหลักการพัฒนาทักษะสมอง EF ให้ชัดเจน แล้วสังเกตว่าลูกของเรามีจุดแข็ง EF ในด้านใดมีจุดอ่อนด้านใด แล้วก็ฝึกฝนเสริมสร้างในด้านนั้น โดยพัฒนาผ่านประสบการณ์ในชีวิตจริงที่หลากหลาย ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน
ปัจจุบัน สถาบันอาร์แอลจี ในฐานะ Content Experts คือผู้เชี่ยวชาญเนื้อหาวิชาการ และเป็นผู้นำในการพัฒนากระบวนการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก สตรี ครอบครัว ผู้สูงวัย ชุมชนและสังคม โดยได้ทำการจัดการความรู้เรื่อง “Executive Functions(EF)-ทักษะการคิดเพื่อชีวิตที่สำเร็จ” อันเป็นความรู้ที่วงการพัฒนาการเด็กในต่างประเทศกำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมากมาใช้กับเด็กๆ ในประเทศไทย โดย มี รศ.ดร.นวลจันทร์ จุฑาภักดีกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยา จากศูนย์วิจัยประสาทวิทยาศาสตร์ สถาบันชีววิทยาศาสตร์โมเลกุล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้ศึกษาวิจัยและรวบรวมงานวิจัยจากต่างประเทศ และสถาบันอาร์แอลจีจะเป็นผู้จัดการความรู้และพัฒนาให้ความรู้ EF ให้ เป็นที่เข้าใจง่าย โดยมุ่งหวังให้พ่อแม่และบุคลากรทางการศึกษา (โดยเฉพาะปฐมวัยศึกษา)สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาเด็กได้อย่างเป็นรูปธรรม ด้วยมุ่งมั่นว่า EF จะเป็นองค์ความรู้หนึ่งที่จะร่วมส่งเสริมการปฏิรูปการศึกษาของไทยที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ ให้ก้าวขึ้นไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี