สภาพถนนอโศกเมื่อถูกน้ำท่วม-24 มี.ค. 2558
กลายเป็นเรื่องขึ้นมาทันที หลังอยู่ดีๆ ก็เกิดฝนฟ้าคะนองขึ้นในกรุงเทพมหานคร 2 วันติดๆ เมื่อ 24-25 มี.ค. 2558 ที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายจุดในเมืองหลวงเกิดน้ำท่วม ไม่ว่าจะเป็นถนนอโศกมนตรี ย่านสุขุมวิท ที่ชาวเนตรายหนึ่งถ่ายคลิปวีดีโอลงในเว็บไซต์ยูทูบ ล้อเลียนว่าเป็น “คลองอโศก” หลังถนนทั้งสายจมอยู่ใต้น้ำ หรือในจุดอื่นๆ เช่น ถนนพระราม 9 แยก อสมท. พบว่าน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร แม้กระทั่ง “สนามบินดอนเมือง” ก็ยังไม่รอด น้ำท่วมรันเวย์จนต้องหยุดให้บริการชั่วคราวหลายชั่วโมง ทำเอาผู้โดยสารเครื่องบินเดือดร้อนไปตามๆ กัน
อย่างไรก็ตาม..ภาพที่ฮือฮาที่สุด คงหนีไม่พ้นซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่ง ที่น้ำทะลักเข้าท่วมไปทั่วบริเวณ!!!
และภาพนี้เอง..ที่หลายคนนำไปตัดต่อ เป็นเรื่องสนุกสนานขบขันกันไปบนโลกออนไลน์!!!
ข้อมูลจาก “กรมอุตุนิยมวิทยา” ระบุว่า ในช่วงเวลานี้ ความกดอากาศสูงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนจากประเทศเมียนมาร์ (พม่า) เข้ามาปกคลุมบริเวณภาคเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก จะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรง และมีลูกเห็บตกได้บางพื้นที่
ซุปเปอร์มาร์เก็ตชื่อดังย่านสุขุมวิทที่ถูกน้ำท่วม
กรรวี สิทธิชีวภาค ผู้อำนวยการศูนย์ภูมิอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา อธิบายว่า สภาวะเช่นนี้จะทำให้เกิดฝนตกได้ทั่วไป แต่ไม่ได้ตกพร้อมกันทุกพื้นที่ เช่น วันนี้ฝนตกที่ภาคเหนือ แต่พรุ่งนี้อาจไปตกที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็ได้ เป็นต้น โดยสภาพอากาศจะเริ่มกลับเข้าสู่หน้าร้อนตามปกติ น่าจะเป็นช่วงวันที่ 1 เม.ย. 2558 เป็นต้นไป
เช่นเดียวกับกรณีน้ำท่วม กทม. ผอ.ศูนย์ภูมิอากาศ กรมอุตุฯ อธิบายต่อไปว่า ฝนที่ตกใน กทม. ช่วง 1-2 วันนี้ พบว่าไม่ได้ตกติดต่อกันเป็นเวลานานเหมือนกับในฤดูฝน แต่เป็นการตกแบบ “โครมใหญ่” เช่นเพียงชั่วโมงเศษๆ เท่านั้น แต่ปริมาณฝนที่วัดได้ค่อนข้างมาก เมื่อรวมกับปัจจัยอื่นๆ เช่น ความสามารถในการระบายน้ำของระบบท่อใน กทม. ก็อาจทำให้เกิดน้ำท่วมได้
“คือมันไม่ได้ตกทั้งวัน มันไม่ใช่ฤดูฝนแบบนั้น คือมันตกลงมาซู่นึงแต่ว่าหนักพอสมควร อย่างที่ดอนเมือง ปริมาณฝนนี่อยู่ในเกณฑ์หนักมาก ที่วัดได้ก็ 90 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง หรืออย่างแถวๆ กลางเมืองอย่างศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ก็ประมาณ 45 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง ถือว่าหนักมาก” ผอ.ศูนย์ภูมิอากาศ กรมอุตุฯ กล่าว
อีกประเด็นที่ถูกพูดถึงมาก คือระบบระบายน้ำของ กทม. ที่เมื่อน้ำท่วมทุกครั้ง ประโยคซึ่งจะได้ยินบ่อยๆ คือ “ระบบรายน้ำในกรุงเทพ รองรับปริมาณได้สูงสุด 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง ถ้ามากกว่านี้ยังไงก็ต้องท่วม” และการระบายน้ำไม่อาจทำได้ง่ายๆ ดังที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวกับสื่อมวลชน เมื่อ 25 มี.ค. 2558 ระบุว่า สถานการณ์ฝนตกในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา หนักกว่าที่คาดการณ์ไว้
โดยการระบายน้ำต้องใช้เวลาราว 1-2 ชั่วโมง แต่เฉพาะที่แยกอโศกมนตรีต้องใช้เวลาในการระบายน้ำถึง 3 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามไม่ถือว่าใช้เวลานานเกินไป หากฝนตกในปริมาณ 60 มม./ชม. ก็จะสามารถระบายได้ทันที แต่ถ้าเกิน 60 มม. ขึ้นไปอาจจะต้องใช้เวลาบ้าง นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยแทรกซ้อนอื่นๆ เช่น บางสถานที่เป็นของเอกชน อย่างกรณีซุปเปอร์มาร์เก็ตดังกล่าว รวมถึงซอยย่านถนนพระราม 9 ด้วย
ประเด็นนี้ แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รายหนึ่งในสำนักระบายน้ำ กทม. อธิบายว่า “ระบบระบายน้ำ” ของกทม. สร้างเป็นรากฐานเมืองหลวงเมื่อปี พ.ศ.2520 ออกแบบให้สามารถระบายน้ำได้ 60 มม./ชม. หมายถึง เมื่อมีฝนตกลงมา น้ำจะไหลลงท่อระบายน้ำขนาดต่างๆที่อยู่ตามแนวถนนและทางเท้า รองรับปริมาณได้สูงสุด 60 มม./ชม. เพื่อระบายสู่คลอง ออกไปยังสถานีสูบน้ำ ก่อนไหลลงแม่น้ำ หากปริมาณน้ำฝนมากเกินกว่านั้น น้ำจะท่วมรอการระบายลงท่อ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ว่างตามธรรมชาติรับน้ำได้อีก เช่น ผิวดิน สนามหญ้า ลานกว้าง หนองน้ำ ป่าปรือ ฯลฯ
ภาพขยะจำนวนมหาศาลที่ลอยมาติด ณ อุโมงค์ระบายน้ำ ย่านพระราม 9
แต่ปัจจุบันพื้นที่ กทม. มีความหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบ้านพักอาศัย อาคารสูง และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เข้ามาแทนที่พื้นรับน้ำเดิม ซึ่งเมื่อสร้างแล้วก็ต้องมีการถมที่ให้สูงขึ้น ทั้งนี้ยังไม่รวมถึง “ความมักง่าย” ของคนที่อาศัยอยู่ในเมืองกรุง เพราะที่ผ่านมาตามจุดระบายน้ำต่างๆ เจ้าหน้าที่ของ กทม. ต้องทำงานหนักในการ “เก็บขยะ” ที่อุดตันตามท่อระบายน้ำ
ที่เป็นตลกร้าย..ทั้งที่ชาว กทม. เคยผ่านเหตุมหาอุทกภัยปี 2554 มาแล้ว รวมถึงน้ำท่วมซ้ำซากอีกนับไม่ถ้วน แล้วก็มีการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องจากภาครัฐ ว่าพฤติกรรม “ทิ้งไม่เลือกที่” ของคนไทยนี่เอง ที่ซ้ำเติมให้ปัญหาน้ำท่วมในเขตเมืองหนักขึ้น
ดังที่ นายกังวาฬ ดีสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักระบายน้ำ กทม. เคยกล่าวกับสื่อมวลชนไปเมื่อปี 2555 (เจาะเบื้องลึก “น้ำท่วม กทม.” หลายปัจจัยที่ยังไร้การควบคุม-สกู๊ปหน้า 5 นสพ.แนวหน้า ฉบับวันที่ 5 ตุลาคม 2555) เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองพัฒนาระบบหลัก สำนักระบายน้ำ กทม. ถึงสิ่งที่พบเห็นได้เสมอสำหรับเจ้าหน้าที่สำนักระบายน้ำ กทม. คือขยะทั้งชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ ที่ถูกทิ้งเกลื่อนลำคลอง แล้วลอยไปอุดตามท่อระบายน้ำ
“เราไม่มีการใช้กฏหมายอย่างเด็ดขาด ทิ้งขยะก็ลงคลอง น้ำเสียก็ลงคลอง เราทำแทบตาย พวกนี้ก็ปล่อยขยะ ไม่รู้วันๆ กี่ตัน ตู้เย็นก็มี เตียงก็มี มาทั้งหลังเลย ผมว่ามันไม่ใช่นะ ไปดูญี่ปุ่นยังไม่มีเลย นี่บ้านเรา โต๊ะ ยางรถยนต์ ลงมาหมดในคลอง ไปดูได้เวลาพวกเราเก็บขยะกันที่สถานีสูบน้ำ อย่างที่พระโขนง เขาไม่สนใจว่า บ้านเมืองจะเป็นยังไง ทิ้งได้ทิ้งหมด”
นี่คือเสียงสะท้อนของผู้ดูแลระบบระบายน้ำ กทม. ในครั้งนั้น และ ณ วันนี้ ผ่านมา 2 ปีเศษก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน ดังล่าสุด ทวิตเตอร์ของสถานีวิทยุ จส.100 เผยแพร่ภาพเจ้าหน้าที่ กทม. กำลังเข้าเก็บกวาดขยะจำนวนมาก ที่ลอยน้ำมาติดอยู่บริเวณอุโมงค์ระบายน้ำ ย่านพระราม 9 ซึ่งนี่เองก็เป็นอุปสรรคสำคัญ ที่ทำให้ระบบระบายน้ำใช้การได้ไม่เต็มที่
ธรรมชาติเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ไม่มีอะไรควบคุมได้..นั่นเป็นสิ่งที่ยังพอเข้าใจ!!!
แต่สิ่งที่น่าจะควบคุมได้อย่าง “พฤติกรรมคน” กลับเป็นสิ่งที่สร้างและซ้ำเติมปัญหาเสียยิ่งกว่า!!!
ก็ถือเสียว่า..น้ำท่วมซ้ำซากใน กทม. เป็น “ผลกรรม” ที่คนกรุงร่วมกันก่อ..จะโทษใครได้?
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี